โฆษกคลังเผย 4 โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครอบคลุมประชาชนกว่า 51 ล้านคน ประชาชนจะเลือกได้เพียง 1 คนต่อ 1 โครงการเท่านั้น เริ่ม ก.ค. – ธ.ค. 2564 ส่วนมาตรการเยียวยา ชง ครม. อีกครั้ง ก่อนใช้ในเดือน พ.ค. นี้
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 4 มาตรการ หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ตั้งแต่เดือน ก.ค. – ธ.ค. 2564 ได้แก่
❇ โครงการแรก คนละครึ่ง เฟส 3 โดยกลุ่มเป้าหมายจำนวน 31 ล้านคน แบ่งเป็นผู้ที่เคยได้สิทธิ์ในโครงการคนละครึ่งเฟส 1 และ เฟส 2 แล้วจำนวน 15 ล้านคน ซึ่งกลุ่มนี้ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่จะได้รับเงิน 3,000 บาทอัตโนมัติ
โดยกระทรวงการคลังจะเปิดให้ผู้ที่ยังไม่เคยได้รับสิทธิ์ ได้ลงทะเบียนเพิ่มอีก 16 ล้านสิทธิ์ ซึ่งช่วงวันที่จะเปิดให้ลงทะเบียนจะมีความชัดเจนเร็ว ๆ นี้ ส่วนรูปแบบการใช้จ่ายจะเป็นแบบ co-pay โดยรัฐบาลจะโอนเงินเข้าแอปพลิเคชันเป๋าตังให้วันละ 150 บาท ทุกวันจนครบ 3,000 บาท
❇ โครงการที่ 2 บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กลุ่มเป้าหมายจำนวน 13.65 ล้านคน
❇ โครงการที่ 3 การเพิ่มกำลังซื้อให้ผู้ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ กลุ่มเป้าหมายจำนวน 2.5 ล้านคน โดยรัฐบาลจะโอนเงินเพิ่มให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการและผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ เดือนละ 200 บาท เป็นเวลา 6 เดือน
❇ โครงการที่ 4 ยิ่งใช้ ยิ่งได้ เพื่อเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายของกลุ่มผู้มีกำลังซื้อ โดยรัฐบาลสนับสนุน E-Voucher สูงสุด 7,000 บาทต่อคน
ทั้งนี้จาก 4 โครงการดังกล่าว ประชาชนจะเลือกได้เพียง 1 คนต่อ 1 โครงการเท่านั้น
ส่วนของมาตรการเยียวยาเร่งด่วน ได้แก่ โครงการเราชนะ กลุ่มเป้าหมาย 32.9 ล้านคน และโครงการ ม.33 เรารักกัน 9.29 ล้านคน ที่รัฐบาลจะเพิ่มวงเงินให้อีกคนละ 2,000 บาท จะเสนอรายละเอียดเพิ่มเติมในที่ประชุม ครม. สัปดาห์หน้า เพื่อให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบได้ภายในเดือน พ.ค.นี้ และใช้จ่ายได้ จนถึงสิ้นเดือนมิ.ย. 2564
ทั้งนี้ มาตรการเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจ จากผลกระทบโควิด-19 ระลอกเดือนเม.ย.นี้ ถือเป็นการช่วยเหลือได้ครอบคลุมประชากรมากที่สุดถึง 51 ล้านคน โดยใช้งบประมาณรวมกว่า 245,880 ล้านบาท ซึ่งยังอยู่ภายใต้ พ.ร.ก. กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท