อย.ชี้แจง ผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาวผสมผลิตภัณฑ์ล้างห้องน้ำ ไม้ได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขจัดคราบ พร้อมเตือน ห้ามนำมาผสมกันโดยเด็ดขาด จะเกิดก๊าซพิษคลอรีน เป็นอันตรายต่อสุขภาพ มีผลทำลายเนื้อเยื่ออ่อนตามร่างกาย

271

อย.ชี้แจง ผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาวผสมผลิตภัณฑ์ล้างห้องน้ำ ไม้ได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขจัดคราบ พร้อมเตือน ห้ามนำมาผสมกันโดยเด็ดขาด จะเกิดก๊าซพิษคลอรีน เป็นอันตรายต่อสุขภาพ มีผลทำลายเนื้อเยื่ออ่อนตามร่างกาย

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจุบันนี้ผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาดเป็นสิ่งหนึ่งที่ใช้กับแทบทุกครัวเรือนเพราะช่วยให้เบาแรงขณะทำความสะอาด และมีความเข้าใจว่าคราบฝังแน่นในห้องน้ำจะขจัดได้ง่ายขึ้นหากใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาวผสมผลิตภัณฑ์ล้างห้องน้ำ ซึ่งไม่เป็นความจริง การนำมาผสมกันไม่ได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขจัดคราบสกปรก

“ผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาว” เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับขจัดคราบสกปรกบนเสื้อผ้าโดยมากจะมีสารออกฤทธิ์คือ สารประกอบไฮโปคลอไรท์ (Hypochlorite) ซึ่งจะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน (Oxidation) หรือรีดักชัน(Reduction) กับคราบสกปรก ทำให้มองไม่เห็นคราบเมื่อเสื้อผ้าโดนแสงแดด

“ผลิตภัณฑ์ล้างห้องน้ำ” มักมีกรดไฮโดรคลอริก (Hydrochloric acid) เป็นส่วนประกอบที่มีฤทธิ์
ขจัดคราบสกปรก ซึ่งมีความแรงเพียงพอสำหรับทำความสะอาดห้องน้ำ และสุขภัณฑ์ ไม่ควรนำไปผสมกับสารเคมีชนิดอื่นเพราะจะก่อให้ปฏิกิริยาเคมีได้สารพิษที่อันตรายต่อสุขภาพ และไม่มีการศึกษาใดยืนยันว่า
การผสมผลิตภัณฑ์ล้างห้องน้ำกับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดชนิดอื่นช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขจัดคราบได้

การนำผลิตภัณฑ์ซักขาวผสมกับผลิตภัณฑ์ล้างห้องน้ำจะเกิดปฏิกิริยาระหว่าง สารประกอบไฮโดรคลอไรท์ (Hypochlorite) และกรดไฮโดรคลอริก (Hydrochloric acid) ทำให้เกิดก๊าซคลอรีน (Chlorine) ซึ่งเป็น
ก๊าซพิษมีผลทำลายเนื้อเยื่ออ่อนตามร่างกาย เช่น ระคายเคืองตา และผิวหนัง ทำลายเยื่อบุทางเดินหายใจ
หากสูดดมเข้าไปมาก ๆ ทำให้ทางเดินหายใจเสียหาย ทำให้ไม่สามารถหายใจได้จนอาจเสียชีวิตในที่สุด

ดังนั้น ห้ามผสมผลิตภัณฑ์ซักผ้าฟอกขาวกับผลิตภัณฑ์ล้างห้องน้ำโดยเด็ดขาด และแนะนำให้เลือกใช้
ผลิตภัณฑ์ซักผ้าฟอกขาวหรือผลิตภัณฑ์ล้างห้องน้ำที่มีเลขทะเบียนวัตถุอันตราย หรือมีเลขที่รับแจ้ง โดยสังเกตเครื่องหมาย อย.วอส. หรือเลขที่รับแจ้ง และอ่านฉลากทุกครั้งก่อนใช้พร้อมปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัด

 

ที่มา : สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา

ลิ้งค์ข่าว : https://1th.me/5cxpU