รัฐบาลได้ เพิ่มสิทธิ ตรวจ – รักษาภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (ภาวะ VITT) หลังฉีดวัคซีนโควิด-19   ซึ่งครอบคลุมการเบิกจ่าย 4 รายการ เน้นย้ำ ให้ประชาชนที่เข้ารับการฉีดวัคซีนไปแล้ว ในช่วง 4 – 30 วัน หากมีอาการ รีบเข้ารับการตรวจเพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุ โดย สปสช. จะสนับสนุนค่าตรวจรวมทั้งค่ารักษาให้

518

รัฐบาลได้ เพิ่มสิทธิ  ตรวจ – รักษาภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (ภาวะ VITT) หลังฉีดวัคซีนโควิด-19   ซึ่งครอบคลุมการเบิกจ่าย 4 รายการ เน้นย้ำ ให้ประชาชนที่เข้ารับการฉีดวัคซีนไปแล้ว ในช่วง 4 – 30 วัน หากมีอาการ รีบเข้ารับการตรวจเพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุ โดย สปสช. จะสนับสนุนค่าตรวจรวมทั้งค่ารักษาให้

ปัจจุบัน มีประชาชนให้ความสนใจ และร่วมใจกันเข้ารับบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 เป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้แก่ประชาชนภายหลังจากที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ไปแล้ว
ล่าสุด รัฐบาลได้เพิ่มสิทธิประโยชน์การตรวจทางห้องปฏิบัติการ (Lab) เพื่อตรวจและรักษาภาวะเกล็ดเลือดต่ำที่มีอาการหลอดเลือดอุดตัน ภายหลังได้รับวัคซีน (ภาวะ VITT) ซึ่งครอบคลุมการเบิกจ่าย 4 รายการ ได้แก่
1. การตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดแดง CBC
2. การตรวจวินิจฉัย Heparin-PF4 antibody (lgG) ELISA assay
3. การตรวจวินิจฉัย Heparin induced Platelet activation test (HIPA) และ
4. ยา Human normal immunoglobulin, intravenous (IVIG) ซึ่งให้เบิกจ่ายตามระบบ VMI
แม้ว่าภาวะ VITT จะมีอัตราการเกิดที่ต่ำมาก (1 : 125,000 – 1 : 1,000,000 ของผู้ได้รับวัคซีน) แต่ สปสช. จำเป็นต้องขยายสิทธิ เพื่อดูแลประชาชนที่มีอาการข้างเคียงให้ได้รับการดูแลทั้งกระบวนการ
ดังนั้น ขอให้ประชาชนที่เข้ารับการฉีดวัคซีนไปแล้ว ในช่วง 4 – 30 วัน หากมีอาการดังต่อไปนี้ ปวดศีรษะรุนแรง แขนขาชาอ่อนแรง ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด หายใจลำบากหรือติดขัด เจ็บแน่นหน้าอก เป็นต้น ต้องรีบเข้ารับการตรวจเพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริง โดย สปสช. จะสนับสนุนค่าตรวจรวมทั้งค่ารักษาให้
ที่มา : ไทยคู่ฟ้า