สธ. เผยพบ 68 รายเสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนโควิด สรุปแล้ว 13 รายไม่เกี่ยวข้อง ส่วนอีก 55 ราย อยู่ระหว่างสอบสวน
เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2564 นายแพทย์เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนโควิด 19 ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. – 16 มิ.ย. ทั้งเข็ม 1 และเข็ม 2 รวม 7,003,783 โดส สำหรับการฉีดวัคซีนซิโนแวค เข็ม 1 จำนวน 5,060,090 โดส พบมีอาการไม่พึงประสงค์ในกลุ่มที่มีอาการจนต้องนอนรักษาในโรงพยาบาล 993 ราย คิดเป็นอัตรา 20 รายต่อการฉีดแสนโดส อาการที่พบบ่อยจากมากไปหาน้อย คือ เวียนศีรษะ คลื่นไส้ ปวดศีรษะ อาเจียน ผื่น ปวดกล้ามเนื้อ ท้องเสีย และคัน ถือเป็นอาการที่พบได้เหมือนวัคซีนอื่น ๆ
ส่วนวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าฉีดแล้ว 1,943,693 โดส มีอาการไม่พึงประสงค์ที่ต้องนอนรักษาในโรงพยาบาล 472 ราย คิดเป็นอัตรา 24 รายต่อการฉีดแสนโดส อาการที่พบบ่อยจากมากไปหาน้อย คือ ไข้ ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย และถ่ายเหลว
นพ.เฉวตสรรกล่าวต่อว่า สำหรับความคืบหน้าการเสียชีวิตจากการฉีดวัคซีนโควิด 68 ราย คณะผู้เชี่ยวชาญพิจารณาเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ ฯ มีข้อสรุปแล้ว 13 รายว่าไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน เป็นเหตุการณ์ร่วม ได้แก่ หัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน 8 ราย ลิ่มเลือดเป็นจ้ำเลือด 1 ราย ลิ่มเลือดอุดตันในปอด 1 ราย เยื้อหุ้มสมองอักเสบเป็นหนอง 1 ราย เลือดออกในช่องท้อง 1 ราย และเลือดออกในสมองจากความผิดปกติของเส้นเลือดในสมอง 1 ราย ส่วนที่เหลือ 55 ราย อยู่ระหว่างสอบสวนโรคและรอผลชันสูตร จะรายงานเพิ่มเติมในสัปดาห์หน้า การเฝ้าระวังเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์แบบเดียวกันนี้มีในทุกประเทศ เช่น ที่สหรัฐอเมริกาที่ฉีดวัคซีนโควิด 19 ไปประมาณ 300 ล้านโดส พบการเสียชีวิตหลังได้รับวัคซีนมากกว่า 4 พันราย และผลการตรวจสาเหตการเสียชีวิตพบว่า ไม่มีรายใดเกิดจากวัคซีนโควิด
สำหรับการพิจารณาอาการไม่พึงประสงค์ในระบบของประเทศไทย คณะผู้เชี่ยวชาญฯ จะรวบรวมข้อมูลผู้เสียชีวิตที่มีอาการรุนแรง ทั้งมีลักษณะอาการป่วย ระยะเวลาที่ได้รับการฉีดวัคซีนและเริ่มมีอาการ โรคประจำตัวและการรักษาเดิม ครอบคลุมทุกมิติ โดยผลการพิจารณาแบ่งออกเป็น 7 ประเภท คือ 1.เกี่ยวข้องกับวัคซีน 2.เกี่ยวข้องกับคุณภาพของวัคซีน 3.เกี่ยวข้องกับการให้บริการฉีดวัคซีน 4.เกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีนที่ไม่ได้มีสาเหตุทางกายภาพ เช่น อาการชา เอกซเรย์สมองไม่มีสาเหตุ หายได้เองทุกราย 5.เป็นเหตุการณ์ร่วมที่ไม่เกี่ยวกับวัคซีนแต่บังเอิญเกิดร่วมกัน 6.ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีน ต้องเก็บรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม และ 7.ข้อมูลยังไม่เพียงพอที่จะสรุป
“กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญสูงสุดเรื่องความปลอดภัยของประชาชน จะต้องนำข้อมูลที่เกี่ยวข้อง อย่างรอบด้านมาพิสูจน์ทราบเพื่อความชัดเจน และจะพยายามอย่างเต็มที่ ให้ได้ข้อสรุปที่น่าเชื่อถือและมั่นใจ จนถึงขณะนี้วัคซีนยังมีความปลอดภัยเช่นเดียวกับวัคซีนหลากหลายยี่ห้อที่ฉีดทั่วโลกหลายร้อยล้านโดส” นายแพทย์เฉวตสรรกล่าว