กรมขนส่งทางบก เล็งยกระดับเข้ม! “กลุ่มรถจักรยานยนต์เดลิเวอรี่” กำหนดแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้ประกอบธุรกิจรับส่งสินค้าพัสดุภัณฑ์และอาหารด้วยรถจักรยานยนต์ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ธุรกิจรับส่งสินค้า พัสดุภัณฑ์ และได้รับความนิยมอย่างมาก มีการนำรถจักรยานยนต์มาติดตั้งกล่องหรืออุปกรณ์สำหรับบรรจุสินค้าเพื่อใช้ในการขนส่ง กรมการขนส่งทางบกตระหนักถึงความสำคัญของธุรกิจดังกล่าว ที่มีส่วนช่วยสร้างงานสร้างรายได้ ขณะเดียวกันก็คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกัน จึงกำหนดแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้ประกอบธุรกิจรับส่งสินค้าพัสดุภัณฑ์และอาหารด้วยรถจักรยานยนต์ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ดังนี้
1. การบริหารจัดการผู้ขับรถ ต้องมีใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ที่ยังไม่หมดอายุ ไม่อยู่ในระหว่างถูกพักใช้ใบอนุญาต และต้องไม่เป็นบุคคลที่เป็นอันตรายต่อ ผู้ประกอบธุรกิจต้องมีระบบการตรวจสอบและมีส่วนรับผิดชอบหากผู้ขับรถกระทำความผิดก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินหรือร่างกายของบุคคลอื่น ต้องผ่านการอบรมเบื้องต้นเกี่ยวกับการขับขี่ การให้บริการขนส่งอย่างปลอดภัย มาตรการป้องกันการขนส่งสิ่งของผิดกฎหมายและการจัดการเมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือเหตุฉุกเฉิน การส่งเสริมการขายผู้ขับขี่ห้ามใช้ความเร็วเกินกฎหมายกำหนดหรือทำผิดกฎจราจร
2. การบริหารจัดการตัวรถที่นำมาใช้ขนส่งต้องจดทะเบียนถูกต้อง มีการชำระภาษีรถประจำปีและจัดทำประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 กล่องหรืออุปกรณ์ที่นำมาบรรจุสินค้าต้องไม่มีส่วนแหลมคม หรือขรุขระที่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับผู้ขับขี่เองหรือผู้ใช้รถใช้ถนนมีขนาดที่เหมาะสม หากเป็นกล่องที่ติดตั้งด้านท้าย ต้องมีขนาดความกว้างไม่เกิน 60 เซนติเมตร ความยาวไม่เกิน 60 เซนติเมตร ส่วนท้ายยื่นได้ไม่เกิน 30 เซนติเมตร ส่วนความสูงต้องไม่เกิน 70 เซนติเมตร
หากเป็นกล่องติดตั้งด้านข้าง ความกว้างจากขอบซ้ายถึงขอบขวาต้องไม่เกิน 90 เซนติเมตร กรณีรถที่มีความกว้างเกิน 90 เซนติเมตร ให้มีความกว้างสูงสุดได้ไม่เกิน 110 เซนติเมตร การติดตั้งต้องยึดให้มั่นคงแข็งแรง อยู่ตามแนวกึ่งกลางของตัวรถ ไม่บดบังทัศนวิสัย ไม่บดบังการให้แสงสว่างของอุปกรณ์ส่องสว่างและแสงสัญญาณใดๆ ของรถ เพื่อการขับขี่อย่างปลอดภัย ขอให้ผู้ขับขี่และผู้ประกอบธุรกิจดังกล่าวตรวจสอบกล่องหรืออุปกรณ์บรรจุสินค้าให้มีขนาดและการติดตั้งตามที่กำหนดก่อนกฎหมายจะมีผลใช้บังคับ ซึ่งจะมีโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืนปรับไม่เกิน 1,000 บาท
ที่มา : สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์