4 ก.ค. 64 เชียงใหม่ เผยไทม์ไลน์ผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่จำนวน 7 ราย พบส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าจากต่างจังหวัด และชาวต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง

913

4 ก.ค. 64 เชียงใหม่ เผยไทม์ไลน์ผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่จำนวน 7 ราย พบส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าจากต่างจังหวัด และชาวต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง

วันที่ 4 ก.ค. 64 จังหวัดเชียงใหม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพิ่ม 7 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 4,192 ราย รักษาหายแล้ว 4,103 ราย รักษาอยู่ในโรงพยาบาล 63 ราย แยกเป็น โรงพยาบาลรัฐ 52 ราย และโรงพยาบาลเอกชน 11 ราย แยกเป็นผู้ป่วยสีเขียว 34 ราย สีเหลือง 20 ราย สีส้ม 8 ราย และสีแดง 1 ราย วันนี้ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 26 ราย เท่าเดิม
สำหรับการตรวจหาเชื้อ COVID-19 ในกลุ่มเสี่ยงสูง หรือผู้สัมผัส เมื่อวาน (3 ก.ค. 64) ตรวจไปทั้งหมด 704 ราย พบติดเชื้อ 7 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.99 ส่วนปัจจัยเสี่ยงในการติดเชื้อ ช่วงนี้จะพบผู้ที่สัมผัสเชื้อจากต่างจังหวัด แล้วเดินทางเข้ามาจังหวัดเชียงใหม่ทุกวัน รายใหม่วันนี้ 5 ใน 7 ราย ก็เช่นกัน สัมผัสโรคจากต่างจังหวัดแล้วเดินทางกลับมาตรวจพบว่าติดเชื้อในจังหวัด มาจากกรุงเทพฯ 3 ราย อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก 2 ราย และอีก 2 รายเป็นผู้สัมผัสในชุมชน และครอบครัว จึงขอเน้นย้ำให้ผู้ที่เดินทางเข้ามาเชียงใหม่ต้องเคร่งครัดในมาตรการจังหวัดเชียงใหม่ ลงทะเบียน CM Chana และกักตัวอย่างจริงจัง โดยการกักตัวที่บ้าน ต้องแยกห่างจากคนในครอบครัวให้ชัดเจน ทั้งแยกห้องนอน ห้องน้ำ การรับประทานอาหาร และกิจกรรมที่ทำร่วมกัน จึงจะทำให้ญาติพี่น้องปลอดภัยจากโรค COVID-19 หากไม่ปฏิบัติตาม จะพบผู้สัมผัสจำนวนมาก และอาจระบาดขยายวงกว้างเป็นคลัสเตอร์ใหญ่ๆ ได้
สำหรับคลัสเตอร์จังหวัดเชียงใหม่ เหลือเฝ้าระวัง 2 คลัสเตอร์ ต้องเฝ้าระวังต่อเนื่อง 1 คลัสเตอร์ และมีคลัสเตอร์ที่ต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด 1 คลัสเตอร์ แต่ทั้ง 2 คลัสเตอร์ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่หลายวันมาแล้ว
สำหรับรายละเอียดของผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7 ราย มีดังนี้
1. รหัส CM 4269 เพศหญิง อายุ 55 ปี ภูมิลำเนาอำเภอเมืองเชียงใหม่ เริ่มมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนหาแหล่งสัมผัสโรค โดยระหว่างวันที่ 21-25 มิถุนายน ทำงานตามปกติที่แผนกผู้ป่วยนอกเวชศาสตร์ฟื้นฟู วันที่ 26 มิถุนายน ไปเซ็นทรัลแอร์พอร์ตพลาซ่า (ศูนย์อาหารชั้น G และร้านกาแฟ Miracle) วันที่ 28 มิถุนายน-1 กรกฎาคม ทำงานตามปกติ วันที่ 2 กรกฎาคม ยังไปทำงานและเริ่มมีอาการ จึงเข้ารับการตรวจ ผลเป็นบวก รักษาอยู่ที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 16 ราย เป็นผู้สัมผัสร่วมบ้าน 1 ราย ผู้สัมผัสในโรงพยาบาล 15 ราย รอผลตรวจ ส่วนที่ห้างสรรพสินค้าเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ ให้เฝ้าสังเกตอาการ หากมีอาการผิดปกติให้เข้ารับการตรวจ
2. รหัส CM 4270 เพศหญิง อายุ 57 ปี ภูมิลำเนาอำเภอแม่ริม อาชีพแม่บ้าน เริ่มมีอาการอ่อนเพลีย เมื่อ 27 มิถุนายน โดยช่วง 22-24 มิถุนายน เดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อพาบุตรชายเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลตำรวจ เข้าพักบ้านพักย่านห้วยขวาง 26 มิถุนายน เดินทางกลับเชียงใหม่ ด้วยสายการบินเวียตเจ็ทแอร์ เที่ยวบิน VZ102 กักตัวที่บ้านพักในอำเภอแม่ริม เข้ารับการตรวจและรักษาที่ โรงพยาบาลค่ายกาวิละ ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในครอบครัว 4 ราย และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลค่ายกาวิละ 1 ราย รอผล ผู้สัมผัสในสายการบินอยู่ระหว่างสอบสวนเลขที่นั่ง
3. รหัส CM 4271 เพศหญิง อายุ 76 ปี ภูมิลำเนาดอยเต่า เป็นผู้สัมผัสร่วมบ้าน CM 4265 บุตรชายที่ไม่ร่วมงานศพ บ้านฉิมพลี อำเภอดอยเต่า เริ่มมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ จมูกไม่ได้กลิ่น เมื่อ 29 มิถุนายน โดยพักอยู่ที่บ้านตลอด และวันที่ 29 มิถุนายน ได้ไปฟอกไตที่โรงพยาบาลจอมทอง เข้ารับการตรวจเมื่อ 1 กรกฎาคม ที่โรงพยาบาลดอยเต่า ขณะนี้ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลนครพิงค์แล้ว ไม่มีผู้สัมผัสเพิ่ม
4. รหัส CM 4272 เพศหญิง อายุ 24 ปี อาชีพขายของออนไลน์ ภูมิลำเนาอำเภอสารภี เริ่มมีอาการคันคอ และครั่นเนื้อครั่นตัว วันที่ 2 กรกฎาคม โดยวันที่ 28 มิถุนายน เดินทางไปทำธุระส่วนตัวที่กรุงเทพฯ และพักที่พักย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ วันที่ 1 กรกฎาคม เดินทางกลับมาเชียงใหม่ ด้วยสายการบินเวียตเจ็ทแอร์ เที่ยวบิน VZ2104 แถวที่ 20 เรียกแกร็บแท็กซี่ไปส่งที่บ้านพักใน อำเภอสารภี วันที่ 2 กรกฎาคมเดินทางไปรายงานตัวต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคอำเภอสารภี และได้ออกคำสั่งให้ไปตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลนครพิงค์ วันที่ 3 กรกฎาคมผลพบว่าติดเชื้อ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลประสาทเชียงใหม่ ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและเสี่ยงต่ำ อยู่ระหว่างการสอบสวน
5. รหัส CM 4273 เพศหญิง อายุ 26 ปี ภูมิลำเนาอำเภอเมือง อาชีพพนักงานโรงแรม ไม่มีอาการ โดยวันที่ 15 มิถุนายน-1 กรกฎาคม เดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อทำเลสิก ที่ โรงพยาบาลพระราม 9 ด้วยรถยนต์ส่วนบุคคล พักที่พักส่วนตัวแถวคันนายาว เดินทางกลับวันที่ 2 กรกฎาคม เข้ากักตัวที่บ้านตำบลป่าแดด เข้าตรวจหาเชื้อวันที่ 3 กรกฎาคม ที่ โรงพยาบาลนครพิงค์ ผลออก เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมเป็นบวก จึงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลประสาทเชียงใหม่ ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 2 ราย เป็นผู้สัมผัสร่วมบ้าน อยู่ระหว่างรอตรวจ ไม่มีผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ
6. ผู้ติดเชื้อ 2 รายสุดท้าย เป็น ชาย และหญิง สัญชาติเมียนมา ไม่มีอาการ รหัส CM 4274 และ 4275 ได้ทำการลักลอบเข้าเมืองทางพรมแดนธรรมชาติบริเวณอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เมื่อ 2 กรกฎาคม ที่ผ่านมา แล้วนั่งรถต่อมายังอำเภออมก๋อย รวมทั้งหมด 11 คน วันที่ 3 กรกฎาคม เดินทางมาถึงตำบลยางเปียง ถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อมก๋อย และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขดำเนินการเก็บตัวอย่างส่งตรวจ วันที่ 4 กรกฎาคม ผลพบเชื้อ 2 ราย ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง คือ เพื่อนร่วมทาง 9 ราย ผลเป็นลบ ต้องกักตัว 14 วัน และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอีก 3 ราย รอตรวจ ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ คือ ตำรวจ 5 ราย และบุคลากรสาธารณสุข 2 ราย ให้เฝ้าสังเกตอาการตนเอง
สำหรับผู้เดินทางเข้ามาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด และได้ดำเนินการลงทะเบียน CM Chana สะสม 23,476 ราย ติดตามตัวได้ 19,359 ราย คิดเป็นร้อยละ 82.46 โดยอำเภอเมืองเชียงใหม่ยังคงติดตามตัวได้น้อยที่สุด เพียงร้อยละ 70.03 ส่วนผู้ที่ไม่ลงทะเบียน CM Chana ที่ทีมโควิดหมู่บ้านติดตามได้เพิ่มมากขึ้นถึง 117 ราย พบผู้กระทำผิดนี้มากในอำเภอแม่แตง ฝาง สันทราย ดอยสะเก็ด และแม่อาย แสดงว่ายังมีผู้ที่ทีมโควิดหมู่บ้านยังหาตัวไม่พบอีกจำนวนมาก ดังนั้น ขอให้เจ้าบ้าน ผู้ให้ที่พักอาศัย โรงแรม คอนโด หอพักต่างๆ ต้องแจ้งผู้ที่เข้าพักให้ปฏิบัติตามคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่และขอความร่วมมือทุกท่านแจ้งเบาะแสให้กับเจ้าพนักงานในพื้นที่ทันที หากไม่ปฏิบัติจะถือว่าเป็นความผิดตามกฎหมาย
สำหรับกรณีมีผู้โพสต์ข้อความใน Facebook ส่วนตัว ที่ว่า โรงพยาบาลสนามเรียกเก็บเงินค่ารักษาพยาบาลผู้ติดเชื้อที่เข้ารับการรักษาพยาบาลนั้น ขอชี้แจ้งให้ทราบว่าไม่เป็นความจริง เกิดจากความเข้าใจผิดกัน เนื่องจากรัฐบาลประกาศชัดเจนแล้วว่า การรักษาพยาบาลผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในประเทศไทย รักษาฟรี โดยไม่มีการเก็บจากผู้ป่วยที่มารักษา แต่หน่วยงานจะต้องทำเรื่องเบิกเงินจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โดยใช้หลักฐานตามสิทธิ์ของผู้รับการรักษา และใช้เลขบัตรประชาชน 13 หลักของคนไทยเป็นเกณฑ์ ทั้งนี้
1. ผู้มีสิทธิ์ประกันสุขภาพทั่วหน้า (บัตรทอง) ไม่ต้องมีเอกสารอะไรเพิ่มเติม โรงพยาบาลเบิกจาก สปสช. ได้เลย
2. ผู้มีสิทธิ์เบิกจ่ายตรง คือ ข้าราชการทุกหน่วยงาน สปสช. จะส่งเบิกไปยังกรมบัญชีกลาง
3. ผู้มีสิทธิ์ประกันสังคม สปสช. จะส่งเบิกไปยังกองทุนประกันสังคม
4. ผู้ทำงานรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานที่คล้ายรัฐวิสาหกิจที่ไม่ได้ทำจ่ายตรงไว้เหมือนข้าราชการ เช่น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปา ธนาคารบางแห่ง จะต้องทำหนังสือรับรองสิทธิ์ เพื่อเรียกเบิกจากหน่วยงานต้นสังกัด
5. บุคคลต่างชาติ จะทำการเรียกเก็บจากเงินประกันสุขภาพของบุคคลต่างชาติ ส่วนต่างด้าวที่ไม่มีหลักประกันใดๆ สปสช. จะทำการเรียกเก็บจากกรมควบคุมโรค
สำหรับผู้ที่ทำการโพสต์รายนี้ เป็นผู้มีสิทธิ์รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานธนาคาร ทางโรงพยาบาลเบิกค่าใช้จ่ายการรักษาไม่ได้ เนื่องจากไม่มีเอกสารรับรองสิทธิ์ ทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสันทราย ซึ่งเป็นผู้จัดการการเบิกค่าใช้จ่ายทั้งหมด จึงได้โทรศัพท์ไปหาเพื่อขอเอกสารการรับรองสิทธิ์การรักษาจากหน่วยงานต้นสังกัดเพิ่มเติม เพื่อนำมาประกอบการเบิกจ่ายของโรงพยาบาล จึงเกิดความเข้าใจผิดว่าโรงพยาบาลเรียกเก็บเงิน ดังนั้น หากท่านมีข้อสงสัย เรื่องค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับโรงพยาบาลสนามให้ติดต่อสอบถามที่งานประกันสุขภาพ โรงพยาบาลสันทราย หมายเลขโทรศัพท์ 053921199 ต่อ 197 ในเวลาราชการ
สำหรับการฉีดวัคซีนจังหวัดเชียงใหม่ ในสถานการณ์เช่นนี้ ประชาชนทุกคนต้องรีบตัดสินใจเข้ามาร่วมเป็นก๋ำแปงเวียง ปกป้องโรคโควิด-19 ให้คนเชียงใหม่กัน โดยร้อยละ 70 ของประชากรจังหวัดเชียงใหม่ที่ต้องรับการฉีดวัคซีน ประมาณ 1.2 ล้านคน ขณะนี้มีผู้ประสงค์ฉีดแล้ว 851,598 คน คิดเป็นร้อยละ 71 คงค้างอีกร้อยละ 29 จึงจะไปถึงเป้าหมายในการเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ที่ป้องกันโรค COVID-19 ได้ โดยขณะนี้มีผู้ที่ได้รับการฉีดไปแล้ว 145,160 คน คิดเป็นร้อยละ 12 ของเป้าหมาย จึงขอเชิญชวนทุกท่านที่ยังลังเล หรือไม่ประสงค์ฉีด ให้รีบจองคิวฉีดผ่านระบบ “ก๋ำแปงเวียง” ที่เดียวเท่านั้น มาร่วมกันฉีดวัคซีน เพื่อเชียงใหม่จะได้เดินหน้าต่อไป