ตร.ช้างเผือก เร่งตามตัวกลุ่มวัยรุ่นนับสิบ ยกพวกรุมทำร้ายหนุ่ม นศ.วิทยาลัยช่าง เผยเพิ่งกลับจากกินหมูกระทะ และไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ยันเอาเรื่องถึงที่สุด
ภาพวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์กรณีกลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุรุมทำร้ายหนุ่มนักศึกษาวิทยาลัยช่างแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ บริเวณหร้าร้านริมทาง (ก่อนถึงโรงพยาบาลลานนา) แยกข่วงสิงห์ อ.เมืองเชียงใหม่ ช่วงค่ำคืนเวลาเกือบเที่ยงคืน ของวันที่ 15 ก.ค.64 ที่ผ่านมา โดยในกล้องวงจรปิดพบกลุ่มวัยรุ่นจำนวนหลายสิบคนพากันกรูเข้ารุมทำร้ายผู้เสียหายเพียงคนเดียวมีทั้งชกต่อย และเข้ารุมกระทืบ อีกทั้งใช้หมวกกันน็อคฟาดจนผู้ถูกรุมทำร้ายได้รับบาดเจ็บ นั่งพิงประตูหน้าร้านที่เกิดเหตุ หลังจากนั้นกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุก็ต่างพากันขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป ขณะที่ในเวลาต่อมามีพลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์รีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยและเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือชายคนดังกล่าวที่ถูกลงทำร้ายนำส่งโรงพยาบาลในเวลาต่อมา
โดยในช่วงเช้าวันนี้ (16 ก.ค.64) ทางผู้สื่อข่าวได้เข้าทำการตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุตามที่ปรากฏในคลิปดังกล่าว พบว่าที่บริเวณจุดเกิดเหตุมีร่องรอยของกลุ่มวัยรุ่นที่ทำกันทะเลาะวิวาทกันช่วงค่ำคืนที่ผ่านมาและพบเจ้าของร้านที่เกิดเหตุทราบชื่อคือนายลั่ม (ขอสงวนชื่อจริง) อายุ 50 ปี เจ้าของร้านดังกล่าว พร้อมทั้งนำผู้สื่อข่าวไปตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้นกับร้านของตน โดยพบว่าที่บริเวณประตูหน้าร้านมีร่องรอยของกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มดังกล่าวใช้อาวุธของแข็งทุบใส่ประตูจนได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ยังมีวัสดุหน้าร้านบางชิ้นแตกหัก โดยทางเจ้าตัวระบุว่า เคื่องราวเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อคืนวานนี้ แต่วันและเวลาที่ปรากฏในกล้องนั้นตั้งเวลาผิด พร้อมทั้งตินนี้จะได้นำหลักฐานที่เกิดขึ้นในวันเกิดเหตุเข้าดำเนินการแจ้งความเอาเรื่องกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ติดตามเรื่องราวที่เกิดขึ้น และได้ทราบข้อเท็จจริงจากทาง น้องชิน (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี เพื่อนของชายวัยรุ่นที่ถูกรุมทำร้ายภายในคลิปดังกล่าว ทราบว่า ในคืนวันเกิดเหตุวานนี้ (15 ก.ค.64) ตนกับเพื่อนที่ถูกรุมทำร้าย คือนายโอม (นามสมมุติ) อายุไล่เลี่ยกัน ได้พากันไปกินข้าวบ้านเพื่อน แล้วตอนนั้นก็กำลังจะขับรถจักรยานยนต์กลับหอพักที่อยู่ด้านหลังโรงพยาบาลลานนา โดยตนได้นั่งซ้อนรถจักรยานยนต์มากับเพื่อน ส่วนนายโอม นั้นได้ขับรถจักรยานยนต์ของตนมาอีก 1 คัน ซึ่งรถของตนที่ นายโอม ขับนั้นได้มีการซ่อมเครื่องมา และมีการเปลี่ยนท่อไอเสีย จึงทำให้รถมีเสียงดัง โดยตนกับ นายโอม ที่ถูกรุมทำร้าย ได้ขับรถมาจากเส้นหางดง และขับผ่านยังบริเวณด้านหน้าสตาร์อเวนิว แยกศาลเด็ก
ต่อมาเมื่อมาตนได้สังเกตเห็นว่ามีกลุ่มวัยรุ่นขับรถจักรยานยนต์มาหลายคันตามพวกตนมา ตนกับนายโอม จึงรีบพากันขับหนีเพราะรู้ว่ากลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนี้จะเข้ามาหาเรื่อง โดยเมื่อมาถึงยังบริเวณแยกข่วงสิงห์ ตนกับเพื่ออีกคนที่ขับรถอีกคันได้เลี้ยวซ้ายมาทางหน้า ม.ราชภัฏ เพราะคิดว่าแถวนั้นมีคนเยอะ อาจจะขอความช่วยเหลือได้ แต่ทางนายโอม ได้ขับเลี้ยวไปทางขวา เพื่อยูเทิร์นทำให้แยกจากกัน หลังจากนั้นตนได้ขับรถวนกลับมาก็พบว่า นายโอม ถูกกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวรุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บแล้ว หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยก็ได้ช่วยเหลือนำตัวส่งโรงพยาบาล ซึ่งพบว่าทาง นายโอม นั้นได้รับบาดเจ็บค่อนข้างหนัก
ต่อมาภายหลังเกิดเหตุ ช่วงเช้าที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เข้ามาสอบถามข้อเท็จจริงกับตนและกำลังเร่งดำเนินการสืบสวนติดตามกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุกลุ่มนี้ โดยเบื้องต้นก็ทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้วประมาณ 3-4 คน ซึ่งกำลังรอการรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดี โดยกลุ่มผู้ก่อเหตุก็น่าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นอายุประมาณไม่เกิน 18 ปี เป็นส่วนใหญ่ ส่วนสาเหตุนั้นตนก็ไม่ทราบว่าที่กลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนี้มาขับรถไล่ และรุมทำร้ายเพื่อนนั้นมาจากสาเหตุใด เพราะที่ผ่านมาก็ไม่เคยรู้จักหรือไปมีเรื่องกับกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนี้มาก่อน แต่คาดว่ากลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนี้จะไม่พอใจที่ท่อรถเสียงดัง และเห็นบอกว่าตนกับเพื่อนนั้นไปขับรถเบิ้ลใส่ แต่ตนยืนยันว่าในขณะขับรถมานั้นก็ไม่ได้ขับเร็ว หรือขับเบิ้ลเสียงรถแต่อย่างใด
ขณะที่ทางด้าน น.ส.พิธ (นามสมมุติ) อายุ 25 ปี พี่สาวของ นายโอม ที่ถูกรุมทำร้ายร่างกาย ให้สัมภาษณ์กับทางผู้สื่อข่าวผ่านทางโทรศัพท์ บอกว่า ตอนนี้อาการของน้องชายดีขึ้นและน้องชายรู้สึกตัวแล้ว โดยหลังจากเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลในเชียงใหม่ และต่อมาได้ส่งตัวมารักษาต่อที่โรงพยาบาลบ้านธิ แต่ตอนนี้ทางแพทย์บอกว่าน้องชายนั้นมีเลือดออกในสมองนิดหน่อย ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดจากการถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุ่มทำร้ายแล้วใช้ของแข็งทุบบริเวณท้ายทอย และน้องชายยังมีอาการปวดที่ท้ายทอยและศีรษะอยู่ อย่างไรก็ตามในส่วนของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนได้เข้าดำเนินการแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วที่ สภ.ช้างเผือก โดยขณะนี้ทราบว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงพร้อมทั้งทำการสืบสวนหาตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี โดยตนกับน้องชายที่ถูกรุมทำรายยืนยันว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดเพราะกรณีที่เกิดขึ้นนี้น้องชายก็ไม่เคยไปรู้จัก หรือไปมีเรื่องบาดหมางกับกลุ่มผู้ก่อเหตุแต่อย่างใด