โผล่มอบตัวแล้ว 4 คน กลุ่มโจ๋รุมทำร้ายหนุ่ม นศ.ช่าง พบเป็นเยาวชนอายุ 13-14 ปี เผยสาเหตุไม่พอใจคู่กรณีเบิ้ลท่อรถเสียงดัง ขณะที่ผู้ปกครองรายหนึ่งของผู้ก่อเหตุยกมือไหว้ขอโทษ ลั่นดูแลบุตรหลานไม่ดีเอง
ความคืบหน้ากรณีกลุ่มวัยรุ่นจำนวนนับสิบคน ก่อเหตุรุมทำร้านหนุ่มนักศึกษาวิทยาลัยช่างแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดที่สามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ไว้ได้ที่บริเวณหน้าร้านริมทาง (ก่อนถึงโรงพยาบาลลานนา) แยกข่วงสิงห์ อ.เมืองเชียงใหม่ ช่วงค่ำคืนเวลาเกือบเที่ยงคืน ของวันที่ 15 ก.ค.64 ที่ผ่านมา เป็นเหตุทำให้ผู้ถูกรุมทำร้ายได้รับบาดเจ็บถึงขั้นเข้าโรงพยาบาล และต่อมาได้เดินทางเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ช้างเผือก เพื่อขอให้ดำเนินการติดตามกลุ่มผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี โดยที่ทางเพื่อนและพี่สาวของผู้เสียหายที่ถูกรุมทำร้ายต่างยืนยันว่าไม่เคยรู้จักหรือมีเรื่องบาดหมางกับทางกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุแต่อย่างใด และขณะนั้นกำลังขับรถกลับหอพักที่อยู่บริเวณด้านหลังโรงพยาบาลลานนา แต่กลับถูกทางกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุขับรถตามมาและรุมทำร้ายตามที่ปรากฏภายในคลิป
ขณะที่ต่อมาภายหลังเหตุการณ์คลิปดังกล่าวถูกนำเสนอเป็นข่าวออกไปทางโซเชียลแล้วนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ช้างเผือก โดยการอำนวยการของ พ.ต.อ.กิตติพงษ์ เพ็ชรมุณี ผกก.สภ.ช้างเผือก ได้สั่งการให้ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเร่งดำเนินการติดตามเบาะแสกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุ จนกระทั่งช่วงเย็นวันนี้ (16 ก.ค.64) ทางกลุ่มวัยรุ่นผู้ก่อเหตุจำนวน 4 คน พร้อมด้วยผู้ปกครอง 1 คน ได้เดินทางเข้ามามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ช้างเผือก หลังจากที่มีข่าวปรากฏออกไป โดยพบว่ากลุ่มวัยรุ่นทั้งหมด 4 คน ที่เข้ามาพบทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นอายุ 14 ปีทั้งหมด ซึ่งในเวลาต่อมาทาง พ.ต.อ.กิตติพงษ์ เพ็ชรมุณี ผกก.สภ.ช้างเผือก ได้เข้าทำการพูดคุยกับทางกลุ่มวัยรุ่นทั้งหมดพร้อมกับผู้ปกครอง และชี้แจงถึงการดำเนินการเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ซึ่งเบื้องต้นทราบว่ายังมีกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุอีกจำนวนหนึ่งที่ยังจะมีการติดตามตัวมาดำเนินคดีด้วย
โดยทางด้าน พ.ต.อ.กิตติพงษ์ เพ็ชรมุณี ผกก.สภ.ช้างเผือก เปิดเผยภายหลังการพูดคุยกับทางกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุว่า ภายหลังจากที่มีคลิปวิดีโอเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นและได้มีทางผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ช้างเผือก ก็ได้เข้าดำเนินการลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุโดยทันที และขณะนี้สามารถติดตามตัวกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุมาได้บางส่วน ซึ่งได้เข้ามาพบกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว 4 คน จากผู้ก่อเหตุประมาณ 10 คน ตามในคลิปวงจรปิดเหตุการณ์ที่ปรากฏบนโซเชียล และจากการสอบสวนพบว่าทั้งหมดยังเป็นเยาวชน อายุระหว่าง 13 -14 ปี อีกทั้งจากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม พบว่าเยาวชนชาย 2 จาก 4 คน เคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่อื่นบันทึกประวัติอาชญากรรมเกี่ยวกับแต่งจักรยานยนต์ซิ่ง และอยู่ระหว่างคุมประพฤติ ส่วนกรณีที่รวมตัวกันจำนวนมากในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมว่ามีการฝ่าฝืนคำสั่งของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ข้อใดบ้าง
ขณะที่จากการพูดคุยกับทางกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุ ถึงมูลเหตุที่กระทำลงไปนั้นเบื้องต้นทราบว่า ในวันเกิดเหตุเยาวชนวัยรุ่นกลุ่มนี้ได้รวมตัวกันที่ สตาร์อเวนิว ย่านอาเขตเชียงใหม่ หลังจากนั้นผู้เสียหายได้ขับรถมากับเพื่อน โดยผู้ก่อเหตุอ้างว่า ผู้เสียหายกับเพื่อนมีการเบิ้ลรถและท้าทาย กลุ่มผู้ก่อเหตุจึงมีอาการโมโห จึงได้ขับรถจักรยานยนต์ไล่ติดตามกลุ่มผู้เสียหายและไปไล่ทันบริเวณถนนโชตนา ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ก่อนจะถีบรถคู่กรณีล้มและได้ลงไปรุมทำร้ายร่างกายตามที่มีกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุบันทึกไว้ได้ อย่างไรก็ตามในเส่วนของการดำเนินคดีกับทางกลุ่มผู้ก่อเหตุนั้น ตอนนี้กำลังรอผลการตรวจจากทางแพทย์และได้แจ้งข้อหาในการทำร้ายร่างกาย ทำให้เป็นอันตรายแก่กายไว้ก่อน ส่วนข้อหาอื่นๆ นั้นจะต้องรอผลวินิจฉัยจากแพทย์ก่อนว่าเป็นอันตรายถึงสาหัสหรือไม่ ส่วนกลุ่มผู้ก่อเหตุคนอื่นๆ ก็กำลังจะมีการติดตามตัวมาดำเนินคดีโดยเร็ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการดำเนินการสอบสวนนั้น ทางด้านผู้ปกครองของเยาวชนที่เดินทางมาด้วย ได้กล่าวขอโทษกับทางผู้เสียหายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยอมรับว่าดูแลบุตรหลานไม่ดี พร้อมทั้งยืนยันว่าหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้แล้วจะเข้มงวดและดูแลบุตรหลายของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้ขึ้นอีก ส่วนทางด้าน พ.ต.อ.กิตติพงษ์ เพ็ชรมุณี ผกก.สภ.ช้างเผือก ได้กำชับขอความร่วมมือกับทางผู้ปกครองเด็กที่ก่อเหตุ รวมไปถึงผู้ปกครองหลายๆ คนที่ขณะนี้เป็นช่วงที่เยวชนหยุดเรียนหนังสือ หรือเรียนออนไลน์ที่บ้าน ดังนั้นผู้ปกครองจึงจำเป็นที่จะต้องดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษไม่ให้ไปประพฤติตนในลักษณะเช่นนี้ หรือไปฝ่าฝืนกฎกติกาของสังคม อันเป็นเหตุทำให้ได้รับความเดือดร้อน และเมื่อพบว่ามีการกระทำผิดกฎหมายก็จะต้องถูกดำเนินคดีอย่างเช่นกรณีที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ และอาจมีผลกระทบต่อประวัติของเยาวชน อีกทั้งทำให้เกิดความเดือดร้อนทั้งในสังคม ครอบครัวและตัวเองด้วย