อุทาหรณ์ แม่ค้าสาวเจิมป้ายทะเบียน ใช้สีเมจิกเติมตัวเลข จากเลข 3 เป็นเลข 8 ถูก ตร.จับดำเนินคดี ส่งแผ่นป้ายตรวจพิสูจน์ที่ พฐ.5 ยืนยันให้ความเป็นธรรม ดูที่เจตนาเป็นสำคัญ ยังไม่ตัดสินใจสอบหลวงพ่อด้วยหรือไม่
แม่ค้าสาวเจิมป้ายทะเบียน ใช้สีเมจิกเติมตัวเลข จากเลข 3 เป็นเลข 8 ถูก ตร.จับดำเนินคดี ส่งแผ่นป้ายตรวจพิสูจน์ที่ พฐ.5 ยืนยันให้ความเป็นธรรม ดูที่เจตนาเป็นสำคัญ ยังไม่ตัดสินใจสอบหลวงพ่อด้วยหรือไม่
วันที่ 8 ส.ค.64 รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีที่มีข่าวแชร์บนโลกโซเชี่ยล เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงเชียงใหม่ ได้ทำการจับกุม นางสาวพิม (นามสมมุติ) อายุ 34 ปี แม่ค้าขายเครปญี่ปุ่น ส่งพนักสอบสวน สภ.แม่ปิง อ.เมืองเชียงใหม่ ดำเนินคดีในข้อหาปลอมแปลงเอกสารราชการ และ ใช้เอกสารปลอม หลังตั้งด่านตรวจบนถนนเชียงใหม่ – ลำปาง พบรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า สีดำ ทะเบียน 2473 มีการใช้สีเมจิกเขียนเติมตัวเลข เปลี่ยนจากเลข 3 เป็นเลข 8 ซึ่งหลังกรณีเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ปรากฏออกไป พบว่ามีประชาชนและผู้พบเห็นตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการดำเนินการที่ถูกต้องดังกล่าว
ขณะที่ช่วงบ่ายวันนี้ พ.ต.อ.นฤบาล จิตทยานันท์ ผกก.สภ.แม่ปิง เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ล่าสุดทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาและมีการสอบสวนปากคำไปแล้ว พร้อมให้ประกันตัวไปโดยวางหลักทรัพย์วงเงิน 100,000 บาท เนื่องจากเป็นคดีไม่ร้ายแรง ส่วนแผ่นป้ายทะเบียนของกลางได้นำส่งศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 5 จ.ลำปาง เพื่อตรวจสอบ ขณะที่ตัวรถเตรียมนำส่งขนส่งจังหวัดเชียงใหม่เพื่อตรวจสอบ เมื่อได้ผลการตรวจสอบทั้งรถและแผ่นป้ายทะเบียน จะสรุปสำนวนส่งฟ้องศาลตามขั้นตอน
พ.ต.อ.นฤบาล บอกว่า แม้จะเป็นความผิดไม่ร้ายแรง แต่การกระทำด้วยประการใด ๆ ที่ทำให้ ทำให้ป้ายทะเบียนเปลี่ยนแปลงจนทำให้เกิดความเข้าใจผิด ถือเป็นความผิดในข้อหาปลอมแปลงเอกราชการที่ต้องดำเนินคดี
สำหรับนางสาวพิมที่ตกเป็นผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพ โดยยืนยันว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำไปเพราะความเชื่อและไม่รู้ว่าผิดกฏหมาย ซึ่งในการทำสำนวนพนักงานสอบสวนจะดูที่เจตนาเป็นสำคัญ ส่วนที่อ้างว่าหลวงพ่อท่านเจิมให้และใช้ป้ายทะเบียนดังกล่าวไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ในส่วนของหลวงพ่ออาจไม่ต้องเชิญตัวมาสอบสวน เนื่องจากนางสาวพิมได้รับสารภาพในชั้นสอบสวนแล้วทั้งสองข้อหา โดยหลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะเรียกตัวนางสาวพิมมาสอบปากคำอีกครั้ง ก่อนสรุปสำนวนส่งฟ้อง
ด้านนางสาวพิม ระบุว่าไม่ขอให้ข่าวอีก เนื่องจากหลวงพ่อโทรศัพท์มาขอให้ยุติการให้ข่าวกับสื่อ ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นหลวงพ่อจะให้ศีลให้พรสวดมนต์ให้แคล้วคลาด ซึ่งตนเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่ขอบคุณไปทั้งน้ำตา นอกจากนี้ยังถูกตำหนิจากคนใกล้ตัวจึงขอยุติเรื่องทั้งหมดนี้เพื่อความสบายใจ ถือเป็นคราวเคราะห์ และขอให้เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอุทาหรณ์สำหรับคนที่มีความเชื่อในเรื่องนี้