ผู้เสียหายนับสิบขึ้นโรงพัก แจ้งจับท้าวแชร์แม่เปิ้ล หลอกลงทุนสูญเงินฟรีกว่า 5 ล้าน
กลุ่มผู้เสียหายกว่า 10 คน พร้อมทนายความนำหลักฐานการสนทนาและสลิปการโอนเงินผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร เข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.กมลภพ บุญมา พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ให้ดำเนินคดีกับ น.ส.เปิ้ล (นามสมมุติ) อาย 27 ปี ท้าวแชร์สาวชาวอำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ที่ชักชวนให้ร่วมลงทุนเงินออมและวงแชร์ แต่สุดท้ายกลับถูกหลอก มีผู้เสียหายกว่า 30 คน สูญเงินไปหลายล้านบาท
หนึ่งในผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อกลางปี 2563 ที่ผ่านมา น.ส.เปิ้ล เปิดบ้านเงินออมและบ้านแชร์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยเปิดกลุ่มเฟซบุ๊กใช้ชื่อว่า “ บ้านโยโมส” และ “Happy with money vip บ้าน AP “ ชักชวนเพื่อนฝูงคนรู้จักให้ร่วมลงทุนกลุ่มเงินออม ให้ผลตอบแทนสูง เริ่มลงทุน 5,000 บาท ได้ผลตอบแทนวันละ 250 บาท และ ผลตอบแทนจะเพิ่มมากขึ้นเป็นขั้นบันไดตามสัดส่วนเงินลงทุน มีให้เลือกลงทุนทั้งรายวัน สามวัน ห้าวัน และ เจ็ดวัน นอกจากนี้ยังมีแบบวงแชร์ที่ให้เปิดให้ร่วมวง โดยให้ผลตอบแทนสูงไม่ต่าง ๆ กัน
ในช่วงแรกกลุ่มสมาชิกได้รับผลตอบแทนตามที่ระบุไว้ จึงเกิดความไว้ใจเพิ่มเงินลงทุนมากขึ้นจากหลักพันเป็นหลักหมื่นไปจนถึงหลักแสน รวมทั้งชักชวนคนรู้จักมาร่วมลงทุน จนสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 40 คน แต่สุดท้ายช่วงสองเดือนที่ผ่านมา จู่ ๆ น.ส.เปิ้ล ก็ประกาศปิดวงแชร์และเงินออม โดยอ้างว่าท้าวแชร์และสมาชิกรายอื่นไม่จ่ายเงิน ทำให้ขาดสภาพคล่อง ไม่สามารถจ่ายผลตอบแทนให้กับสมาชิกที่เหลือตามที่ตกลงเอาไว้ได้ กลุ่มลูกแชร์จึงขอเงินเงินลงทุนคืน แต่ น.ส.เปิ้ล กลับไม่มีจ่ายให้และขอผ่อนจ่ายคืนให้เดือนละหนึ่งพันบาท แต่สุดท้ายได้เงินมาสองเดือนสองพันและก็ไม่ได้อีกเลย
ผู้เสียหายรายนี้ บอกว่า เสียเงินลงทุนไปทั้งหมดกว่า 3 แสนบาท ได้เงินผ่อนคืนมาให้แค่สองพันบาท หลังเกิดปัญหานี้ขึ้นพบว่า น.ส.เปิ้ล ไม่ได้หลบหนี แต่ยังคงอยู่ที่บ้านที่เปิดกิจการขนส่งพัสดุเอกชนในอำเภอสันป่าตอง โดยบอกว่าหากใครเข้ามาทวงเงินที่ร้านจะแจ้งความข้อหาบุกรุกและขู่อีกว่าจะไม่ยอมคืนเงินให้ ทำให้ผู้เสียหายรวมตัวกันเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ ให้ตำรวจเข้ามาช่วยเหลือดำเนินคดี
ด้าน ทนายความกลุ่มผู้เสียหาย เปิดเผยว่า พฤติการณ์ที่เกิดขึ้นมีหลักฐานยืนยันชัดเจนและกลุ่มผู้เสียหายได้รวบรวมไว้แล้วทั้งหมด ที่ในวันนี้พนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความและลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว หลังจากนี้จะเรียกผู้เสียหายมาสอบปากคำเพิ่มเติม ก่อนที่จะพิจารณาแจ้งข้อหากับท้าวแชร์รายนี้ต่อไป ซึ่งจากพฤติการณ์ของคดีนี้จะเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง และ พรบ.แชร์