สาวโพสต์เตือนภัย มิจฉาชีพอ้างเป็นเป็นตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ บอกเราเป็นผู้ต้องหาฟอกเงิน หลอกให้โอนเงินเคลียร์คดี
วันที่ 14 กันยายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงาน ผู้ใช้เฟซบุ๊กท่านหนึ่ง ได้โพสต์เตือนภัยเกี่ยวกับแก๊งมิจฉาชีพ โดยระบุว่า เตือนภัย ! โดนมากับตัวค่ะ วันนี้มีคนโทรมาหาศิ บอกว่าเราเป็นผู้ต้องสงสัยฟอกเงิน 8 ล้านบาท (แม่เจ้าา!) โดยวิธีการก็คือ
-ทำกันเป็นขบวนการเลยจ้า กุเรื่องแต่งเรื่องขึ้นมาเป็นตุเป็นตะ แต่ก็มีคนหลงเชื่อเยอะเพราะกลัวว่าจะผิดกฎหมายอะไรต่างๆ ตอนนี้มิจฉาชีพเค้ามืออาชีพจริงๆค่ะ
-ได้ทำการลงบันทึกประจำวันไว้แล้วเนื่องจากได้ให้ข้อมูลส่วนตัวไป ดีที่ไหวตัวทันไม่ได้โอนเงินให้ เจ้าหน้าที่บอกมีคนโดนไป2ล้านบาท !!
-เสียเวลานอนมาก โทรมาปลุกกันให้ตื่นเต้นแต่เช้า
-มาทำให้เสียขวัญไปพักใหญ่ๆ
–มาหลอกให้โอนเงินที่หามาอย่างยากลำบากไปง่ายๆ
ทางด้านของ พ.ต.อ.ภูวนาท ดวงดี ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ เปิดถึงกรณีที่ ช่วง 1-2 เดือน ที่ผ่านมา พบว่ามีกลุ่มมิจฉาชีพแอบอ้างตัวเป็นตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ ทักแชทไปหลอกลวงประชาชนหลายสิบรายให้โอนเงิน โดยสร้างเรื่องข่มขู่ให้ผู้เสียหายหวาดกลัว อ้างว่าตกเป็นผู้ต้องสงสัยที่จะถูกจับกุมดำเนินคดี
โดยพฤติกรรมของมิจฉาชีพกลุ่มนี้จะโทรศัพท์หรือส่งข้อความไปหาผู้เสียหาย แจ้งว่าเจ้าหน้าที่ศุลกากร หรือ ปปส. ได้อายัดพัสดุที่ภายในมีสิ่งของผิดกฎหมายทั้งยาเสพติดและสินค้าหนีภาษี ซึ่งถูกกำลังจะถูกส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยพัสดุมีชื่อของผู้เสียหายเป็นผู้ส่ง จากนั้นจะใช้บัญชีไลน์ที่มีชื่อและภาพโปรไฟล์เป็นตำรวจ มีทั้ง สารวัตร ผู้กอง และ ร้อยเวร ติดต่อไปในไลน์ของเหยื่อตามเบอร์โทรศัพท์ของผู้เสียหาย พร้อมเสนอความช่วยเหลือ โดยให้โอนเงินเพื่อถอนอายัดของกลางและเคลียร์คดีให้ก่อนที่เรื่องจะถึงพนักงานสอบสวน
จากการตรวจสอบพบว่ากลุ่มมิจฉาชีพจะเลือกเหยื่อที่อยู่ตามจังหวัดต่าง ๆ ที่ห่างไกลจากจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้เสียหายเข้าไปติดต่อที่โรงพักได้ง่าย ๆ ส่วนหมายเลขโทรศัพท์ของผู้เสียหาย คาดว่าจะซื้อมาจากกลุ่มขายประกันชีวิต โดยช่วงเดือนที่ผ่านมามีผู้เสียหายโทรศัพท์มาสอบถามที่โรงพักแล้วกว่าสิบราย ส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพมหานครและจังหวัดทางภาคกลางภาคอีสาน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ให้คำแนะนำไปแล้วว่าอย่าหลงเชื่อโอนเงิน
ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ บอกว่า กลุ่มนี้แบ่งหน้าที่ทำกันเป็นขบวนการ มีการโอนสายให้ไปยังบุคคลอื่นที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่าง ๆ เพื่อยืนยันข้อมูลกับผู้เสียหาย แม้เรื่องนี้ยังไม่มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความ แต่เชื่อว่าอาจมีผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปแล้วหลายราย จึงฝากเตือนประชาชน หากพบกลุ่มผู้คนที่ติดต่อมาในลักษณะนี้อย่าไปหลงเชื่อ หากมีข้อสงสัย ขอให้ติดต่อตำรวจได้ทุกโรงพักใกล้บ้านซึ่งจะมีการประสานงานตรงจสอบให้ทันที