กรมการแพทย์แนะ ผู้ปกครองควรดูแลสายตาลูกน้อย ระหว่างการเรียนออนไลน์ พร้อมวิธีเรียนออนไลน์อย่างไร ให้สายตาไม่เสีย

182

กรมการแพทย์ โดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี แนะผู้ปกครองควรดูแลสายตาลูกน้อย ระหว่างการเรียนออนไลน์ โดยกำหนดระยะเวลาเรียนเวลาพักให้เหมาะสม ด้วยหลักการ 20-20-20 และดูแลปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับการเรียน มีระยะห่างระหว่างตากับหน้าจอ เพื่อป้องกันผลเสียที่จะเกิดกับสายตาลูก

CjVCsl.jpg นายแพทย์วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผย  จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ ไวรัสโคโรนา2019 (Covid19) ทำให้สถานศึกษาหลายพื้นที่ปรับรูปแบบการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต ด้วยโปรแกรมต่างๆ โดยใช้ อุปกรณ์สื่อการเรียนการสอน เช่น คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือ โทรศัพท์มือถือ ซึ่งเด็กต้องดูหน้าจอเป็นระยะเวลานาน  ปัจจุบันพบว่า การใช้อุปกรณ์ต่อเนื่องเป็นเวลานานเกิดผลกระทบกับสายตาเด็กพอสมควร เช่น เกิดภาวะตาล้า (Digital eye strain) เด็กมีอาการปวดตา แสบตา ตาแห้ง บางรายปวดศรีษะร่วมด้วย ในบางรายเกิดภาวะสายตาสั้นเทียมอันเกิดจากการเพ่งมองในระยะใกล้อยู่นาน มีการค้างของค่าสายตาสั้นชั่วขณะ ทำให้เด็กบอกมองไกลไม่ชัด หลังใช้อุปกรณ์ ในบางรายมีอาการผิดปกติของกล้ามเนื้อตา เช่น ปวดกระบอกตา และกล้ามเนื้อตาทำงานผิดปกติได้

นายแพทย์อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวเพิ่มเติมว่า วิธีการเหมาะสมในการใช้สายตาสำหรับการเรียนออนไลน์ คือ เว้นระยะห่างจากหน้าจอให้เหมาะสม เมื่อใช้อุปกรณ์ควรกระพริบตาให้บ่อยขึ้น มีการพักสายตาด้วยหลักการ 20-20-20 คือ เมื่อใช้สายตามองใกล้ติดต่อกัน 20 นาที ควรพักสายตาประมาณ 20 วินาที ด้วยการมองไปที่ระยะห่าง 20 ฟุต (6 เมตร) เพื่อเป็นการพักสายตา แล้วกลับมาใช้สายตาใหม่ได้ นอกจากนี้ การจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมต่อการเรียนก็เป็นเรื่องสำคัญ ควรมีไฟห้องที่สว่างเพียงพอ ลดแสง จากหน้าจอให้เหมาะสม เพิ่มขนาดตัวอักษร เด็กที่มีสายตาสั้นอยู่เดิม ควรเพิ่มกิจกรรมนอกบ้าน หรือเพิ่มการมองระยะไกลบ้างตามสมควร นอกจากนี้ ผู้ปกครองและลูกควรช่วยกันตั้งเป้าหมายในการทำกิจกรรม  มีตารางเวลาในการเรียน การพัก และการได้คุย ได้เล่นกับคนรอบข้าง เพื่อเป็นการพักสายตาจากหน้าจอได้เป็นอย่างดี และลดความเครียดจากการเรียนออนไลน์ได้

#กรมการแพทย์ #สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี #เรียนออนไลน์อย่างไรให้สายตาไม่เสีย

– ขอขอบคุณ –

  • ข้อมูลจาก : ข่าวประชาสัมพันธ์ กรมการเพทย์
  • เว็บไซต์ : https://www.dms.go.th/