สาวหอบหลักฐานร้องตำรวจ ติดตามมิจฉาชีพลวงสมัครงานลงทุน หลังสูญเงินไป 6 แสนกว่าบาท หวั่นคดีไม่คืบหน้า ด้าน รอง ผบช.ภ.5 สั่งจัดชุดสืบสวนติดตามคดีเร่งด่วน

1057

สาวหอบหลักฐานร้องตำรวจ ติดตามมิจฉาชีพลวงสมัครงานลงทุน หลังสูญเงินไป 6 แสนกว่าบาท หวั่นคดีไม่คืบหน้า ด้าน รอง ผบช.ภ.5 สั่งจัดชุดสืบสวนติดตามคดีเร่งด่วน

เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (8 พ.ย.64) ที่ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตำรวจภูธรภาค 5 ..ปภัสสร อายุ 37 ปี ชาว .แม่สลอง .เชียงราย ได้นำหลักฐานเข้าขอความช่วยเหลือ ติดตามขบวนการมิจฉาชีพ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้มีการร้องเรียนกับสื่อมวลชนจากการที่เจ้าตัวถูกกลุ่มมิจฉาชีพ แอบอ้างลวงให้ทำการสมัครงานผ่านแอปพลิเคชันหนึ่งที่ปรากฏมาบนมือถือ แล้วลวงให้กรอกข้อมูลส่วนตัว ก่อนจะแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการทำงาน โดยระบุว่า “งานดังกล่าวคือ การกดไลค์/กดแชร์ เพิ่มยอดเข้าชมและคอมเมนต์สินค้า เพื่อรับผลตอบแทนค่าคอมมิชชั่น 20 เปอร์เซ็นต์” ทำให้เกิดหลงเชื่อ สนใจลองทำงาน โดยทางมิจฉาชีพได้ให้โอนเงินลงทุนก่อน แล้วแอบอ้างส่งลิงก์บริษัทขายสินค้าออนไลน์มาให้ทำเป็นภารกิจ ก่อนที่เจ้าตัวจะหลงเชื่อจากการที่ได้รับผลตอบแทนในตอนแรกๆ แต่หลังๆ เสียเงินหลักหมื่นแล้วไม่ได้คืนกลับมา อีกทั้งถูกลวงให้โอนเงินทำภารกิจอย่างต่อเนื่อง เพราะต้องการได้เงินที่โอนไปคืน จนกระทั่งสูญเสียเงินเก็บทั้งชีวิตที่เก็บมา 600,000 กว่าบาท ก่อนจะนำเรื่องเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สันทราย เพื่อขอให้ติดตามเบาะแสของกลุ่มมิจฉาชีพ เมื่อวันที่ 3 พ.ย.64 ที่ผ่านมา แต่ทางเจ้าตัวระบุว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้าของคดี จึงได้นำหลักฐานเข้ามาร้องขอความช่วยเหลือกับทางเจ้าหน้าที่ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตำรวจภูธรภาค 5 อีกครั้งในวันนี้

โดยทาง ..ปภัสสร ผู้เสียหายบอกว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 28 พ.ย.64 ได้เข้าไปในแอปพลิเคชันชื่อว่า “Part time-2021” ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันที่กดเข้าไปแล้วจะให้กรอกข้อมูลส่วนตัว แล้วดึงเข้าไลน์แช โดยมีแอดมิมาเสนองานให้ทำ อ้างว่าเป็นงานโฆษณาสินค้า แล้วส่งลิงก์ของบริษัทขายสินค้ามาให้ โดยบอกว่าต้องทำการของออดอร์ มีค่าจองแต่ละงานไม่เท่ากัน และระบุว่าหลังทำภารกิจสำเร็จจะได้ค่าคอมมิชชั่นตอบแทน 20-30 เปอร์เซ็นต์ โดนในงานแรกตนได้ลงทุนออดอร์ 100 บาท และหลังจากนั้นได้ผลตอบแทนกลับมา 150 บาท จึงหลงเชื่อโอนไปอีก 4 ครั้ง ก่อนที่จะไม่ได้ผลตอบแทน และทางแอดมิแจ้งว่าต้องทำภารกิจอย่างต่อเนื่องจึงจะได้เงินคืนและค่าคอมมิชชั่น แต่หลังจากทำไปหลายภารกิจก็ไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ และต้องโอนเงินเข้าไปทำภารกิจ กระทั่งโอนไปจนหมดบัญชี สูญเงินไปทั้งสิ้น 600,000 กว่าบาท และไม่ได้กลับคืนมาแม้แต่บาทเดียว

ขณะที่หลังจากแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สันทราย เมื่อวันที่ 3 พ.ย.64 พบว่ายังไม่มีความคืบหน้าของคดี อีกทั้งกลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้ก็ยังคงก่อเหตุต่อเนื่อง โดยยังมีการติดต่อไลน์มา และตรวจสอบพบว่าบัญชีธนาคารที่ตนโอนเงินไปก็ยังไม่ได้มีการอายัดบัญชีแต่อย่างใด แม้ว่าจะติดต่อไปยังธนาคารให้ตรวจสอบและแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วก็ตาม ทำให้ตนเกิดความร้อนใจว่า กลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้จะไปก่อเหตุกับคนอื่นอีก และเกรงว่าเงินที่ถูกโกงไปจะไม่ได้คืน รวมทั้งกลุ่มมิจฉาชีพอาจจะหลบหนี หากล่าช้าไปมากกว่านี้ จึงได้นำเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้มาขอความช่วยเหลือกับทางเจ้าหน้าที่ในวันนี้อีกครั้ง

อย่างไรก็ตามในเบื้องต้น หลังจากการเดินทางเข้าแจ้งความ และนำหลักฐานมาให้กับทางเจ้าหน้าที่ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตำรวจภูธรภาค 5 แล้วนั้น ล่าสุดได้มีการสอบปากคำกับทางผู้เสียหาย เพื่อรวบรวมข้อมูลหลักฐาน และกำลังตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับที่มาที่ไปของแอปพลิเคชันดังกล่าว รวมไปถึงช่องทางบัญชีธนาคารที่ผู้เสียหายโอนเงินไป และช่องทางการสนทนาต่างๆ เพื่อนำมาเป็นเบาะแสในการจับกุมกลุ่มมิจฉาชีพที่ก่อเหตุในครั้งนี้

ขณะที่ทางด้าน พล...วีรชน บุญทวี รอง ผบช..5 เปิดเผยว่า ล่าสุดได้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว พร้อมทั้งได้กำชับทางเจ้าหน้าที่ในการเร่งดำเนินการติดตามจับกุมตัวคนร้ายอย่างเร่งด่วน เนื่องจากกรณีที่เกิดขึ้นนี้ถือเป็นความเดือดร้อนของประชาชน อีกทั้งมิจฉาชีพกลุ่มนี้อาจจะไปก่อเหตุในลักษณะเช่นนี้หลายคน และอยากขอฝากเตือนประชาชนถึงกรณีที่เกิดขึ้นในลักษณะนี้ด้วยว่า การทำงานออนไลน์ หรือการหาเงินผ่านโลกโซเชียลนั้นมีความเสี่ยงที่จะถูกหลอกลวงได้สูงมาก จึงอยากให้ตรวจสอบให้ดีก่อนว่ามีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใดก่อนจะไปลงทุน หรือตัดสินใจทำ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพในลักษณะเช่นนี้อีก