สาวหอบหลักฐานร้องสื่อ โดนยี่ปั๊วหลอกขายลอตเตอรี่สูญเงินหลักแสน หลังแจ้งความออกหมายจับแล้วแต่เรื่องยังเงียบ ขณะที่คู่กรณียังลอยนวลเมินรับผิดชอบ
วันที่ 7 ธ.ค.64 นางสาวพิมพ์ชนก สุวรรณธัช อายุ 33 ปี พร้อมแฟนหนุ่ม ได้เดินทางนำหมายจับและหลักฐานต่างๆ เข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชน หลังถูกโกงซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลสูญเงินฟรีกว่าหนึ่งแสนบาท แต่ผู้ต้องหากลับยังลอยนวลทั้งที่ถูกหมายจับ ตัดสินใจเปิดเผยเรื่องราวเป็นอุทาหรณ์ปิดทางคนโกงไปหลอกลวงคนอื่นเพิ่มอีก
นางสาวพิมพ์ชนก เปิดเผยว่า ต้นเดือนกันยายน 64 ที่ผ่านมา มีคนรู้จักแนะนำว่ามีเจ้าของโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลรายหนึ่งใน อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ เปิดขายหวยในราคาถูก จึงทักแชทไปสอบถามรายละเอียด โดยชายคนดังกล่าวที่ทราบชื่อภายหลังว่านายสิทธิพงษ์ ทองสว่าง อายุ 38 ปี โดยนายสิทธิพงษ์บอกว่าพ่อของเขาได้โควตาหวยและจะขายให้ในราคาถูก ในราคากล่องละ 40,000 บาท (กล่องละ 5 เล่ม) หรือ ใบละ 80 บาท จึงสนใจอยากลองขายและขอซื้อไป 1 กล่องสำหรับงวดวันที่ 16 กันยายน ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากโอนเงินให้ก็ได้รับหวยตามที่ตกลงกันไว้
ต่อมานายสิทธิพงษ์อ้างว่ามีหวยในราคาถูกสำหรับงวดวันที่ 1 และ 16 ตุลาคม ในราคากล่องละ 35,000 บาท แต่จะต้องโอนเงินสั่งซื้อล่วงหน้าทั้งสองงวด ด้วยความเชื่อใจที่งวดแรกไม่มีปัญหาประกอบกับมาทราบภายหลังว่าเป็นญาติห่าง ๆ กับแฟนของเธอ จึงโอนเงินสั่งซื้องวดวันที่ 1 ตุลาคม จำนวน 1 กล่อง ราคากล่องละ 35,000 บาท และ งวดวันที่ 16 ตุลาคม กล่องแรกราคา 35,000 บาท และ เพิ่มกล่องที่สอง กล่องละ 37,000 บาท สองงวดรวมทั้งหมด 3 กล่อง รวมเป็นเงิน 107,000 บาท โดยโอนเงินไปวันที่ 18 กันยายน แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงเวลาก่อนหวยออกทั้งสองงวดกลับไม่ได้รับหวย ตามที่ตกลงกันไว้ โดยนายสิทธิพงษ์ อ้างว่าไม่ได้รับหวยมาอีกทอดหนึ่ง หลังจากนั้นก็บ่ายเบี่ยงและติดต่อไม่ได้ในที่สุด เมื่อไปสอบถามบิดาของนายสิทธิพงษ์ซึ่งเป็นอดีตข้าราชการครู ก็บอกว่าไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น
นางสาวพิมพ์ชนก บอกว่า หลังจากนายสิทธิพงษ์หลบหน้า จึงตัดสินใจนำหลักฐานเข้าแจ้งความกับตำรวจที่ สภ.ดอยสะเก็ด เมื่อวันที่ 23 กันยายน ที่ผ่านมา หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกมาให้ปากคำ แต่คู่กรณีไม่ยอมไปพบตำรวจและบอกว่าจะขอรอหมายศาล ต่อมาพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกเป็นครั้งที่สอง ก็ยังไม่ยอมเข้าพบจนในที่สุดศาลแขวงเชียงใหม่อนุมัติหมายจับในข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ที่ผ่านมา
นางสาวพิมพ์ชนก บอกด้วยว่า ไม่เพียงแต่หลบหน้าไม่รับผิดชอบ แต่เมื่อไปทวงถามจากภรรยาของนายสิทธิพงษ์ ได้รับคำตอบว่านายสิทธิพงษ์ไปทำงานที่กรุงเทพมหานคร และ มาทราบภายหลังด้วยว่านายสิทธิพงษ์ไปพูดกับญาติที่เป็นคนรู้จักในลักษณะข่มขู่ บอกว่าเจ้านายโทรสั่งให้โรงพักห้ามตามจับและให้มาตกลงไกล่เกลี่ยกัน ทั้งที่มีหมายจับออกมาแล้ว ประกอบกับหลังจากนั้นเธอได้พบเห็นนายสิทธิพงษ์ที่บ้านจึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจที่ สภ.ดอยสะเก็ด ถึงสองครั้ง ครั้งแรกตำรวจบอกว่าจับไม่ได้เพราะเป็นยามวิกาล และ ครั้งที่สองตำรวจบอกว่าไปฉีดวัคซีน ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้เธอเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงตัดสินใจร้องเรียนสื่อเพื่อให้ช่วยติดตามเรื่องอีกทางหนึ่ง
