ศาลฎีกา พิพากษาจำคุก ‘เปรมชัย’ คดีเสือดำ 2 ปี 6 เดือน ไม่รอลงอาญา ชดใช้เงิน 2 ล้านบาท เตรียมคุมตัวเข้าเรือนจำ
ย้อนไปเมื่อวันที่ 30 เม.ย.2564 อัยการจังหวัดทองผาภูมิได้ยื่นฟ้อง นายเปรมชัย กรรณสูต จำเลยที่ 1 นายยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2 นางนที เรียมแสน จำเลยที่ 3 และ นายธานี ทุมมาศ จำเลยที่ 4 ในข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง(เสือดำ) โดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาอื่น ๆ อีกหลายข้อหา ซึ่งต่อมา วันที่ 19 มี.ค.2562 ศาลจังหวัดทองผาภูมิพิพากษาจำคุก นายเปรมชัย กรรสูตร จำคุก 16 เดือน, นายยงค์ โดดเครือ จำคุก 13 เดือน, นางนที เรียมแสง จำคุก 4 เดือน และปรับ 10,000 บาท รอการลงโทษ 2 ปี, นายธานี ทุมมาศ จำคุก 2 ปี 17 เดือน
โดยยกฟ้องจำเลยบางข้อหา โดยเฉพาะนายเปรมชัย กรรณสูต ศาลยกฟ้องในข้อหาร่วมกันเก็บของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) แต่ลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุนในข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) แทน
ต่อมาวันที่ 24 พฤษภาคม 2562 อธิบดีอัยการศาลสูงภาค 7 ได้ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลลงโทษจำเลยตามฟ้องของพนักงานอัยการโจทก์ทุกข้อหา และต่อมาวันที่ 12 ธันวาคม 2562 ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ได้มีคำพิพากษาลงโทษจำเลยทุกคนตามที่พนักงานอัยการศาลสูงภาค 7 ยื่นอุทธรณ์ โดยจำคุกนายเปรมชัย กรรณสูตร 2 ปี 14 เดือน จำคุกนายยงค์ โดดเครือ 2 ปี 17 เดือน จำคุกนางนที เรียมแสน 1 ปี 8 เดือน รอการลงโทษให้ตามศาลชั้นต้น และจำคุกนายธานี ทุมมาศ 2 ปี 21 เดือน
หลังจากศาลอุทธรณ์ภาค 7 มีคำพิพากษาลงโทษจำเลยทุกคนตามที่พนักงานอัยการได้ยื่นอุทธรณ์แล้ว อธิบดีอัยการศาลสูงภาค 7 จึงมีคำสั่งไม่ฎีกา ครั้งต่อมาวันที่ 31 มีนาคม 2563 จำเลยจำนวน 3 ราย ได้แก่ นายเปรมชัย, นายยงค์ และนายธานี ได้ยื่นฎีกาต่อศาลฎีกาและอธิบดีอัยการศาลสูงภาค 7 ได้แก้ฎีกาเรียบร้อยแล้ว
ล่าสุดคดีนี้ ศาลฎีกาได้พิจารณาแล้ว ได้มีคำพิพากษาวันที่ 8 ธันวาคม 2564 ดังนี้
ฎีกาของจำเลยทั้งสามฟังไม่ขึ้นและไม่มีเหตุต่อการรอการลงโทษ แต่ต่อมาได้มีการแก้ไข พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 โดย พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า แก้ไขเพิ่มเติม ปี พ.ศ.2562 ให้ยกเลิกมาตรา 55 การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงไม่มีความผิดในส่วนนี้ ตาม ป.อาญา มาตรา 2 คงจำคุกจำเลยที่ 1 คงจำคุก 2 ปี 6เดือน จำเลยที่ 2 คงจำคุก 2 ปี 9 เดือน จำเลยที่ 4 คงจำคุก 2 ปี 13 เดือนbให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย 2 ล้านบาท ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ แต่ให้ปรับแก้ไขดอกเบี้ยให้เป็นไปตามกฎหมายใหม่