เปิดใจแม่น้องฝ้าย เหยื่อเมาแล้วขับ ทำครอบครัวฝันสลาย กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงนานเกือบ 2 ปี แถมติดโควิดยกบ้าน พ่อแม่วอนช่วยเหลือ
วันที่ 14 ธ.ค. 64 รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีกระแสข่าวขอความช่วยเหลือที่ถูกโพสต์ลงบนโลกโซเชียล จากการที่ทางผู้สื่อข่าวทราบมาว่า นางพิสมัย เตจ๊ะ อายุ 45 ปี ใช้เวลาตลอดทั้ง 24 ชั่วโมง คอยดูแล น้องฝ้าย นางสาวอังคณา เตจ๊ะ ลูกสาว อายุ 20 ปี ที่ต้องกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หลังจากโชคร้ายถูกรถยนต์กระบะเมาแล้วขับพุ่งชนจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและต้องกลายเป็นผู้ป่วยพิการติดเตียงที่ที่บ้าน อ.หางดง จ.เชียงใหม่ มานานเกือบสองปี ดับฝันน้องฝ้ายที่เคยตั้งใจไว้ว่าอยากเรียนจบและทำงานหาเลี้ยงพ่อแม่ที่ต้องลำบากตรากตรำทำงานหนัก แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเปลี่ยนชีวิตของทุกคนในครอบครัวจากหน้ามือเป็นหลังมือ
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่เข้าสัมภาษณ์ นางพิสมัย มารดาของ น้องฝ้าย ซึ่งได้เล่าว่า ก่อนหน้านี้น้องฝ้ายเรียนอยู่ชั้น ม.6 โรงเรียนนวมินทราชูทิศ พายัพ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ โดยระหว่างเรียนพักอยู่ที่หอพักกับเพื่อนในตัวเมืองเพราะสะดวกต่อการเดินทางไปเรียน ต่อมาวันที่ 16 มีนาคม 2563 น้องฝ้ายกับเพื่อนขี่จักรยานยนต์มาเยี่ยมพ่อแม่ที่ อ.หางดง จากนั้นได้ขี่จักรยานยนต์เพื่อกลับหอพักในเวลาประมาณ 21.00 น. แต่ปรากฏว่าขณะขี่รถไปบนถนนเชียงใหม่-หางดง ขาเข้าเมือง ได้ถูกรถยนต์กระบะคันหนึ่งขับพุ่งชนท้ายอย่างแรง จนทำให้ร่างน้องฝ้ายกระเด็นไปชนเสาไฟฟ้า ศีรษะกระแทกกับเสาไฟฟ้าอย่างรุนแรง ส่วนเพื่อนได้รับบาดเจ็บไม่มากนัก
โดยอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นหน่วยกู้ภัยนำส่งโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ทีมแพทย์พยาบาลต้องทำการผ่าตัดทันทีหลังพบว่าเลือดคั่งในสมอง แต่หลังจากนั้นอาการก็ไม่ดีขึ้น แพทย์บอกกับแม่ว่าให้ทำใจเพราะอาการน้องหนักมาก แต่แม่ก็ขอให้แพทย์ช่วยเหลือให้ถึงที่สุด เพราะไม่ต้องการสูญเสียลูกสาว ทำให้หลังจากนั้นน้องฝ้ายต้องเข้ารับการผ่าตัดสมองถึง 8 ครั้ง และ ต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนานถึง 6 เดือน 8 วัน
นางพิสมัย บอกว่า ก่อนเกิดอุบัติเหตุเธอมีอาชีพเป็นแม่บ้านทำความสะอาดให้กับบ้านของชาวต่างชาติ ส่วนนายอาทิตย์ เตจ๊ะ อายุ 48 ปี ผู้เป็นพ่อขอน้องฝ้ายทำงานรับจ้างทั่วไป แต่หลังจากน้องฝ้ายกลับมารักษาตัวที่บ้าน ทั้งพ่อและแม่ต้องคอยเฝ้าดูแล แม่ไม่สามารถออกไปทำงานได้ ส่วนพ่อก็ต้องคอยเปลี่ยนกันดูแลเนื่องจากน้องฝ้ายไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้อย่างสิ้นเชิง
เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทุกคนในครอบครัวรวมถึงน้องฝ้ายยังติดเชื้อโควิด-19 โดยเธอและน้องฝ้ายอาการหนักจากเชื้อลงปอด ต้องเข้ารักษาตัวที่ห้องไอซียูโรงพยาบาลนครพิงค์ โชคที่ที่น้องฝ้ายผ่านพ้นวิกฤตและกลับมาที่บ้านได้
ส่วนในเรื่องคดีศาลมีคำสั่งให้คู่กรณีมีความผิดข้อหาเมาแล้วขับและชนแล้วหนี แต่ให้รอลงอาญาและคุมประพฤติเป็นเวลา 5 ปี เมื่อเจรจาไกล่เกลี่ยทางครอบครัวเรียกร้องไป 1 ล้านบาท แต่สุดท้ายตกลงกันที่ 4.8 แสนบาท แต่คู่กรณีบอกไม่มีเงินจ่ายให้ มีเพียงพี่สาวของคู่กรณีรับปากว่าจะขอผ่อนชำระให้เดือนละ 5,000 บาท
นางพิสมัย กล่าวว่า ตอนนี้พ่อกับแม่ไม่สามารถไปทำงานได้และต้องมีค่าใช้จ่ายในการดูแลน้องฝ้าย ทั้ง ค่าอาหารทางการแพทย์ แผ่นรองซับ แพมเพิร์ส สายซัคชั่น ผ้าทำแผล ทั้งหมดนี้รวมแล้วเดือนละเกือบหนึ่งหมื่นบาท เงินที่ได้จาก พรบ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ก่อนหน้านี้ 1.7 แสนบาท ก็หมดไปกับค่าใช้จ่ายเหล่านี้อย่างรวดเร็ว จึงวอนผู้ใจบุญช่วยเหลือ โดยสามารถร่วมบริจาคได้ที่บัญชี 020271121889 ธนาคารออมสิน ชื่อบัญชี นางพิสมัย เตจ๊ะ
นางพิสมัย บอกว่า ก่อนประสบอุบัติเหตุน้องฝ้ายบอกอยู่เสมอว่าหลังจากเรียนจบ ม.6 จะไปเรียนต่อสายอาชีพและตั้งใจอยากทำงานเทศบาลหรือ อบต. และจะเลี้ยงดูพ่อแม่ให้สบาย แต่ความฝันกลับต้องมาพังทลายเพราะคนเมาแล้วขับ แต่อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นแบบนี้ แต่พ่อแม่ก็ยังมีกำลังใจและจะสู้ต่อไป โดยหวังว่าสักวันจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น