นายกฯ ประกาศชัย!! คนไทยฉีดวัคซีน ทะลุยอด 100 ล้านโดสได้สำเร็จ

79

เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2564 นายกรัฐมนตรีได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ระบุว่า พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักครับ #ประเทศไทยต้องชนะ เป็นเป้าหมายสูงสุดใน “สงครามโควิด” ที่เราชาวไทยได้ร่วมมือกันต่อสู้ ฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการ

แม้ว่าสงครามในครั้งนี้ จะยืดเยื้อเกินกว่าที่ทั่วโลก หรือใครๆ จะคาดคิดไว้ และเรายังไม่ได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาด แต่ในวันนี้ (20 ธ.ค.64) ก็ถือเป็นอีกวันหนึ่ง ที่เราบรรลุเป้าหมายสำคัญ นั่นคือการสามารถฉีดวัคซีนให้กับพี่น้องชาวไทย ทะลุยอด 100 ล้านโดสได้สำเร็จภายในปี 2564 ตามที่รัฐบาลได้เคยประกาศไว้
นับตั้งแต่ “โดสแรก” เมื่อวันที่ 28 ก.พ.64 เราใช้เวลารวม 265 วัน หรือเฉลี่ยวันละ 377,358 โดส

เป็นเข็มแรกมากกว่า 50 ล้านโดส ครอบคลุม 70% ของประชากรไทย
เป็นเข็มสองมากกว่า 44 ล้านโดส ครอบคลุม 61% ของประชากรไทย
เป็นเข็มสามมากกว่า 5 ล้านโดส ครอบคลุม 6% ของประชากรไทย
ซึ่งเมื่อรัฐบาลได้ประกาศเป้าหมายนี้ หลายคนอาจคิดว่า เป็นเป้าหมายที่เป็นไปได้ยาก หรือแทบเป็นไปไม่ได้เลย
เป็นเป้าหมายที่ต้องอาศัยทั้งแรงกาย แรงใจ ความทุ่มเทเสียสละ จากบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่นับพันนับหมื่นชีวิต ทั้งแพทย์ พยาบาล อาสาสมัคร และ อสม.ทั่วประเทศ

จนกระทั่งวันนี้ เราสามารถทำภารกิจที่เหมือนเป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้
เป็นการพิสูจน์คำกล่าวอีกครั้งที่ว่า หากคนไทยร่วมแรงร่วมใจทำอะไรแล้ว จะทำให้สิ่งที่เป็นไปไม่ได้นั้น “เป็นไปได้”
ยิ่งกว่านั้น ยังมีข่าวที่น่ายินดีก็คือ ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับเป็นประเทศที่มีความมั่นคงทางสุขภาพ (Global Health Security Index : GHS) อันดับที่ 5 ของโลก จากทั้งหมด 195 ประเทศ เป็นอันดับที่ 1 ของเอเชีย จากการประเมินความพร้อมของประเทศในการรับมือการแพร่ระบาดโรคติดต่อปี 2021 โดยมหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอปกินส์ (Johns Hopkins Center for Health Security) สหรัฐอเมริกา ซึ่งเมื่อปี 2019 ไทยได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 6 ของโลก นั่นแสดงให้เห็นว่า การที่ไทยสามารถจัดการรับมือกับสถานการณ์โควิด จนกดยอดผู้ติดเชื้อให้ต่ำลง และเปิดประเทศได้อีกครั้ง ทำให้ถูกจัดอันดับโลกสูงขึ้นอีก 1 อันดับ อีกทั้งกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขของไทย ยังได้รับรางวัล United Nations Public Service Awards (UNPSA) จากองค์การสหประชาชาติ

ซึ่งทั้งหมดนี้ สะท้อนความแข็งแกร่งของระบบสาธารณสุขไทย และความมั่นคงทางสุขภาพของประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ

ผมต้องขอขอบคุณและชื่นชมบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องประชาชน “ทุกคน” ที่ให้ความร่วมมือ อดทน เสียสละ #สู้ไปด้วยกัน มาตลอด 2 ปีที่ผ่านมา และขอให้ทุกคนได้ร่วมภาคภูมิใจกับ “ชัยชนะ” ของศึกย่อยในสงครามครั้งนี้ ที่ยังไม่จบสิ้น ซึ่งผมมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่า หลังจากผ่านมา 2 ปี รัฐบาลและ ศบค. รวมทั้งหน่วยงานสาธารณสุขทุกระดับ ทั่วประเทศ มีความพร้อมมากยิ่งกว่าเดิม ในการรับมือกับโรคระบาด โดยเฉพาะเชื้อโอมิครอนที่กำลังก่อปัญหาในหลายประเทศ โดยผมได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้มงวดกับการตรวจคัดกรองผู้เดินทางเข้าประเทศในทุกช่องทาง สกัดกั้นการลักลอบเข้าประเทศ และให้กระทรวงสาธารณสุขเตรียมแผนเผชิญเหตุหากเกิดการระบาดขึ้น ดังที่เราเคยดำเนินการมาแล้ว ตั้งแต่การตรวจเชื้อ-แยกตัว-ส่งต่อ-รักษา ให้เร็วที่สุด โดยจะดำเนินการควบคู่ไปกับการพิจารณามาตรการทางเศรษฐกิจอย่างรอบคอบและสมดุลที่สุด เพื่อสามารถเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมตามโรดแมปที่วางไว้ ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจได้ว่า…รัฐบาลได้เตรียมการไว้อย่างดีที่สุด เพื่อ #ชัยชนะของประเทศไทย ครับ