หัวเว่ยพร้อมเสิร์ฟโปรโมชันสุดคุ้ม HUAWEI MateBook D 14 เตรียมตั้งรับช่วงปั่นงานและสอบปลายปี !
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย, 25 สิงหาคม 2564 – หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนสกรุ๊ป (ประเทศไทย) ไม่หยุดยั้งการตอบสนองความต้องการด้านไอทีของคนยุคใหม่ ประกาศวางจำหน่ายแล็ปท็อปสุดคุ้มแห่งปี HUAWEI MateBook D 14 รุ่นย่อยใหม่กับหน่วยประมวลผล tenth Gen Intel® Core™ i3 อัดแน่นด้วยฟีเจอร์ระดับพรีเมี่ยมในราคาสุดคุ้มค่า…HUAWEI Matebook D14 i3 โปรโมชั่นส่งท้ายปี
พิเศษช่วงพรีออเดอร์รับส่วนลดถึง 2,000 บาท พร้อมของสมนาคุณมูลค่ารวม 2,180 บาท สามารถสั่งจองได้ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2564 ถึง 8 กันยายน 2564 ที่ HUAWEI Store และร้านค้าอย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบนแพลตฟอร์ม E-business อย่าง Shopeeและ Lazada
คุ้ม 1: บอกลาอาการปวดตาด้วยจอ HUAWEI FullView Display
HUAWEI MateBook D 14 ยังคงมาพร้อมสัดส่วนหน้าจอ (screen-to-body proportion) แบบจัดเต็มถึง 84% ของตัวเครื่อง ทำให้พื้นที่ขอบหน้าจอเหลือเพียง 4.8 มม. เท่านั้น มอบความรู้สึกเต็มอิ่มและเป็นอิสระที่มากกว่าไม่ว่าจะในเวลาทำงาน หรือพักผ่อน
โดยวิศวกรของหัวเว่ยได้เกิดไอเดียจากการย้ายกล้องหน้าจากบนตัวจอไปพับเก็บไว้บนคีย์บอร์ด หรือที่เรียกว่า recessed camera ความละเอียดสูง 1 MB ที่นอกจากจะทำให้พื้นที่หน้าจอเต็มตายิ่งขึ้นยังปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานได้ในเวลาเดียวกัน
HUAWEI FullView Display ยังนำเสนอประสบการณ์ภาพแบบ Full HD 1,920 x 1,080 พิกเซล ที่คำนึงถึงสุขอนามัยของผู้ใช้เป็นอย่างดี ด้วย IPS ที่สามารถถ่ายทอดรายละเอียดกราฟิกบนจอภาพได้อย่างคมชัดสบายตา และเทคโนโลยีที่ป้องกันอันตรายต่อสุขภาพดวงตาลดแสงสีฟ้าและการกระพริบ รับประกันโดย TÜV Rheinland
คุ้ม 2: อัดแน่นด้วยสุนทรียศาสตร์และความชาญฉลาดแห่งการดีไซน์
แล็ปท็อปของหัวเว่ยได้รับการออกแบบตาม DNA ของ HUAWEI MateBook Family ได้แก่ตัวบอดี้ที่มีความบาง น้ำหนักเบา และหรูหราด้วยดีไซน์อะลูมิเนียม สามารถพกได้ง่ายตามสไตล์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ แต่แอบซ่อนฟีเจอร์อัจฉริยะที่ทำให้ตัวเครื่องสามารถตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างดีเยี่ยม
สำหรับ HUAWEI MateBook D 14 นั้นตัวเครื่องมีความบางเพียง 15.9 มม. และน้ำหนัก 1.38 กก. กับวัสดุแบบโลหะพร้อมความทนทาน นับว่าเป็นแล็ปท็อปขนาด 14 นิ้ว ที่บางและเบามากในตลาดปัจจุบัน ซึ่งนอกจากมอบความสะดวกสบายแล้ว ยังตอบรับชีวิตการเรียน และทำงานที่บ้านที่ถูกสุขลักษณะ ด้วยองศาจอที่สามารถปรับกางได้จนถึง 178°
HUAWEI MateBook D 14 รุ่น tenth Gen Intel® Core™ i3 processor นี้ได้ซ่อนกลไกการทำงานที่ได้รับการคำนวณมาแล้วอย่างอัจฉริยะภายใต้ตัวบอดี้ที่บางเบา โดยมี HUAWEI Shark Fin Fan 2.0 ที่มีใบพัดบางแต่มีจำนวนเพิ่มมากพอที่จะช่วยระบายความร้อนได้อย่างดี รวมไปถึงมีปุ่ม Fingerprint Power Button ที่จัดวางไว้บนคีย์บอร์ดอย่างสวยงาม เพียงแตะนิ้วมือบนปุ่มก็สามารถล็อกอินเข้าเครื่องได้โดยไม่ต้องป้อนรหัสผ่าน
คุ้ม 3: รองรับ Work and Play แบบเต็มประสิทธิภาพด้วย Multi-screen coordinated effort
สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของแล็ปท็อปหัวเว่ย และข้อได้เปรียบที่สมาร์ทดีไวซ์หัวเว่ยมีมาตลอดคืออีโคซิสเต็มแบบไร้รอยต่อ ซึ่งตอบโจทย์การทำงานในระยะเวลาจำกัดของคนรุ่นใหม่โดยตรง
หนึ่งในนั้นคือฟีเจอร์ Multi-screen Collaboration ผ่าน HUAWEI Share 3.0 รองรับการทำงานบนสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อปร่วมกันอย่างง่ายดายเพียงแตะสมาร์ทโฟนเข้าที่ตัวเครื่องแล็ปท็อป HUAWEI MateBook Family รุ่นที่ใช้ PC Manager 11.0 ขึ้นไป
จับคู่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนหัวเว่ย EMUI 11.0 ขึ้นไป ก็จะสามารถเคลื่อนย้ายไฟล์ต่างๆ โทรเข้า-ออก และพิมพ์ข้อความบนทั้งสองอุปกรณ์ด้วยคีย์บอร์ด เม้าส์ และใช้กล้องของแล็ปท็อปสนทนาแทนกล้องในสมาร์ทโฟนได้เลยเมื่อหน้าจอโทรศัพท์แสดงขึ้นบนหน้าจอแล็ปท็อป
และเวอร์ชัน 3.0 ของ HUAWEI Share นี้ ยังสามารถแสดงผลเพิ่มขึ้นเป็น 3 จอ 3 แอปพลิเคชันในเวลาเดียวกัน จากเดิมได้แค่สมาร์ทโฟนเพียงจอเดียว โดยผู้ใช้สามารถใช้เป็นหน้าจอแนวตั้งหรือแนวนอนได้ตามอิสระ เสริมประสบการณ์เรียน ประชุมออนไลน์ หรือการใช้งานแบบ performing multiple tasks ให้สดใหม่และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากนั้นยังรองรับการเล่นวิดีโอความละเอียดสูงระดับ 4K เพื่อประสบการณ์การใช้งาน และความบันเทิงที่คุ้มค่าทุกความต้องการในชีวิตประจำวัน
คุ้ม 4: อยู่ทนทานใช้งานได้ทั้งวันด้วยแบตเตอรี่ 56Wh
หัวเว่ยตระหนักถึงระยะเวลาที่คนรุ่นใหม่ต้องการใช้งานแล็ปท็อปในแต่ละวัน จึงพัฒนาให้ HUAWEI MateBook มีแบตเตอรี่ที่พร้อมรองรับทั้งการทำงาน รวมถึงสามารถชมคอนเทนต์ออนไลน์ได้อย่างไร้ความกังวล HUAWEI MateBook D 14 ใช้แบตเตอรี่ควาจุ 56Wh สามารถท่องอินเทอร์เน็ตได้นาน 12 ชั่วโมง จัดการเอกสารทั่วไปได้ 13 ชั่วโมง และเล่นวิดีโอ 1080p ได้ประมาณ 13.2 ชั่วโมง บวกกับการชาร์จแบบ HUAWEI SuperCharge 65W เพียง 30 นาทีก็จะเพิ่มพลังให้ทำงานต่อได้อีก 46% โดยขณะเดียวกันสายชาร์จเองก็มีน้ำหนักเบา 160 กรัม และสามารถชาร์จอุปกรณ์อื่นที่เป็น Type-C ด้วยกันได้ ประหยัดพื้นที่การพกสายชาร์จในกระเป๋ามากขึ้น