สดร. เปิดโผ 10 ประเด็นดาราศาสตร์น่าติดตามปี 2565 ทั้งดวงจันทร์ใกล้-ไกลโกล จันทรุปราคาเต็มดวง ฯลฯ

322

สดร. เปิดโผ 10 ประเด็นดาราศาสตร์น่าติดตามปี 2565

สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สดร.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เปิดโผ “10 ประเด็นดาราศาสตร์น่าติดตามในปี 2565” ชูเรื่องเด่น “จันทรุปราคาเต็มดวงวันลอยกระทง เกาะติดการส่งกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ ขึ้นสู่อวกาศ จับตาการสำรวจอวกาศทั่วโลก อัพเดทงานวิจัยดาราศาสตร์ งานพัฒนาเทคโนโลยีฝีมือวิศวกรไทย พร้อมปรากฏการณ์ดาราศาสตร์น่าติดตามตลอดปี

ดร. ศรัณย์ โปษยะจินดา – ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ และ ดร.วิภู รุโจปการ – ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ชวนติดตาม 10 เรื่องราวดาราศาสตร์สำคัญในปี 2565 ดังนี้

1) ดวงจันทร์เต็มดวงใกล้-ไกลโลก: ดวงจันทร์เต็มดวงไกลโลกที่สุดในรอบปี – 18 มกราคม 2565 และดวงจันทร์เต็มดวงใกล้ที่สุดในรอบปี – 14 กรกฎาคม 2565

2) ปรากฏการณ์ดาวเคราะห์น่าติดตาม
2.1 ดาวศุกร์อยู่ในตำแหน่งสว่างที่สุดในรอบปี – ช่วงเช้า 9 กุมภาพันธ์ 2565
2.2 ปรากฏการณ์ดาวเคราะห์ใกล้โลก – ในปี 2565 มีดาวเคราะห์ที่โคจรเข้าใกล้โลก 3 ดวง ได้แก่ ดาวเสาร์ใกล้โลก: 15 สิงหาคม 2565 ดาวพฤหัสบดีใกล้โลก: 27 กันยายน 2565 และดาวอังคารใกล้โลก: 1 ธันวาคม 2565 นับเป็นโอกาสดีสำหรับการสังเกตการณ์ดาวเคราะห์วงนอก จะมองเห็นตั้งแต่ดวงอาทิตย์ตกลับขอบฟ้า ปรากฏยาวนานตลอดคืนจนถึงรุ่งเช้า และมีขนาดปรากฏใหญ่กว่าปกติเล็กน้อย

3) จันทรุปราคาเต็มดวงวันลอยกระทง: 8 พฤศจิกายน 2565
ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2565 เกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง ดวงจันทร์เริ่มเข้าสู่เงามัวของโลกตั้งแต่เวลา 15:02 น. จากนั้นค่อย ๆ เคลื่อนเข้าสู่เงามืดของโลก เกิดเป็นจันทรุปราคาบางส่วนในเวลา 16:09 น. และเข้าสู่จันทรุปราคาเต็มดวงตั้งแต่เวลา 17:16-18:41 น. ในวันดังกล่าว ประเทศไทยดวงจันทร์จะโผล่พ้นจากขอบฟ้าเวลาประมาณ 17:44 น. (เวลา ณ กรุงเทพฯ) ทำให้ผู้สังเกตในไทยมีโอกาสมองเห็นดวงจันทร์ปรากฏเป็นสีแดงอิฐทั้งดวงนานถึง 57 นาที ก่อนที่จะเข้าสู่จันทรุปราคาบางส่วนในเวลา 18:42-19:49 น. และเข้าสู่จันทรุปราคาเงามัวที่สังเกตเห็นได้ยาก และสุดท้ายดวงจันทร์จะพ้นจากเงามัวของโลกเวลา 20:56 น. ถือว่าเป็นการสิ้นสุดปรากฏการณ์จันทรุปราคาในครั้งนี้โดยสมบูรณ์

ในคืนวันที่ 8 พฤศจิกายน 2565 ซึ่งเป็นวันลอยกระทงของประเทศไทย ดวงจันทร์จะเข้าสู่เงามืดของโลกทั้งดวงตั้งแต่เวลา 17:16 น. ทำให้คนไทยจะได้ชมดวงจันทร์เต็มดวงสีแดงอิฐค่อยๆ โผล่พ้นจากขอบฟ้าในเวลา 17:44 น. จนดวงจันทร์ออกจากเงามืดทั้งดวงในเวลา 18:41 น.

4) Dark Sky in Thailand เขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืด สู่แหล่งท่องเที่ยวเชิงดาราศาสตร์
สดร. ได้ริเริ่มโครงการเขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืดในประเทศไทย (Dark Sky in Thailand) เพื่อผลักดันให้เกิดสถานที่ที่รักษาและสงวนความมืดของท้องฟ้าเวลากลางคืนด้วยวิธีการใช้แสงสว่างอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถส่งเสริมให้เป็นแหล่งเรียนรู้ แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และเชิงดาราศาสตร์ให้กับประเทศ เขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืดในประเทศไทย แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ อุทยานท้องฟ้ามืด เขตชุมชนอนุรักษ์ท้องฟ้ามืด เขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืดส่วนบุคคล และเขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืดในพื้นที่ชานเมือง (ข้อมูลเพิ่มเติม https://darksky.narit.or.th/)

5) หอดูดาวภูมิภาคสำหรับประชาชนแห่งที่ 4 ของไทย ณ จังหวัดขอนแก่น
หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา ขอนแก่น เป็นหนึ่งในโครงการในพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 29 ไร่ บริเวณเทศบาลตำบลเขื่อนอุบลรัตน์ อ. อุบลรัตน์ จ. ขอนแก่น เริ่มดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่เดือนกันยายน 2562 คาดว่าจะเปิดให้บริการประมาณปลายปี 2565 หากแล้วเสร็จ จะเป็นศูนย์การเรียนรู้ดาราศาสตร์สำหรับประชาชน และสถาบันการศึกษาภูมิภาค สร้างความตระหนักและความตื่นตัวทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีในชุมชน และพื้นที่ใกล้เคียงมากยิ่งขึ้น

6) อัพเดตข่าวสารดาราศาสตร์โลก
ปี 2565 นับเป็นปีที่มีความเคลื่อนไหวสำคัญในวงการดาราศาสตร์และอวกาศสำคัญ และน่าติดตามมากมายหลายเรื่อง อาทิ

กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ (James Webb Space Telescope: JWST) – การส่งกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ ขึ้นสู่อวกาศ เพื่อใช้งานทดแทนกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลที่ปฏิบัติงานมาตั้งแต่ พ.ศ. 2533 เดิมมีกำหนดการขึ้นสู่อวกาศมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 แต่ก็เลื่อนเรื่อยมาจนกระทั่งล่าสุดมีกำหนดปล่อยตัวในปลายปี พ.ศ. 2564 หลังจากปล่อยตัวแล้วจะต้องรอเป็นเวลาอีกประมาณ 6 เดือนจึงจะสามารถใช้งานได้ หลังจากเปิดใช้งาน จะรองรับการศึกษาทางดาราศาสตร์จำนวนมากจากทั่วโลก รวมถึงงานวิจัยของนักดาราศาสตร์ไทยด้วย

การทดสอบจรวดรุ่นใหม่เพื่อใช้งานเชิงพาณิชย์ – หลายประเทศทั้งภาครัฐ และเอกชน ต่างเร่งทดสอบจรวดรุ่นใหม่ๆ เพื่อรองรับภารกิจการขนส่งสัมภาระ การปล่อยดาวเทียม รวมถึงภารกิจการท่องเที่ยวในอวกาศ เช่น จรวดอารียาน 6 ขององค์การอวกาศยุโรป จรวดนิวเกล็น ของบริษัทบลูออริจิน จรวดวัลแคนเซนทอร์ ของบริษัทเอกชนในสหรัฐฯ จรวดสตาร์ชิป ของบริษัทสเปซเอ็กซ์

ยานสำรวจดวงอาทิตย์ – จีน และอินเดีย กำหนดส่งยานสังเกตการณ์ดวงอาทิตย์ลำแรกของแต่ละประเทศขึ้นสู่อวกาศ ได้แก่ ยาน ASO-S (Advanced Space-based Solar Observatory) ของจีน และ ยานอาทิตย์-L1 (Aditya-L1) ของอินเดีย

ยานสำรวจดวงจันทร์ “ดวงจันทร์” ยังคงเป็นจุดหมายที่หลายประเทศจะส่งยานไปสำรวจ รวมถึงเกาหลีใต้กับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่พยายามส่งยานลำแรกของประเทศสู่ดวงจันทร์ ขณะที่ญี่ปุ่นกับรัสเซียกลับมาส่งยานสำรวจดวงจันทร์อีกครั้ง อินเดียยังคงตั้งเป้าส่งยานลงสู่พื้นผิวดวงจันทร์ลำต่อไป ส่วนสหรัฐอเมริกา เน้นไปที่การปูทางสู่การส่งนักบินอวกาศกลับไปเยือนดวงจันทร์และการเปิดให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมสำรวจดวงจันทร์มากขึ้นในโครงการอาร์ทิมิส (Artemis) นอกจากนี้ยังมีโครงการบริการส่งสัมภาระภาคเอกชนสู่ดวงจันทร์ (Commercial Lunar Payload Service Program / CPLS) ของนาซาที่มีเป้าหมายเพื่อสำรวจทรัพยากรธรรมชาติบนดวงจันทร์ การทดสอบการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรเหล่านั้น

ยานสำรวจดาวอังคาร – ปี พ.ศ. 2565 จะมีการส่งยานลงสู่พื้นผิวดาวอังคารด้วยความร่วมมือระหว่างรัสเซียกับองค์การอวกาศยุโรปในภารกิจ ExoMars 2022 ประกอบด้วยยานคาซาชอคของรัสเซีย และรถสำรวจโรซาลินด์ แฟรงคลินขององค์การอวกาศยุโรป

ยานสำรวจดาวเคราะห์น้อย – ปี พ.ศ. 2565 ยังเป็นปีที่มีการส่งยานรุ่นใหม่เพื่อสำรวจดาวเคราะห์น้อยได้แก่ ยานไซคี (Psyche) ของสหรัฐอเมริกา เพื่อศึกษาการกำเนิดแก่นกลางของดาวเคราะห์จากการศึกษาดาวเคราะห์น้อยไซคี

7) First Light หอสังเกตการณ์ดาราศาสตร์วิทยุแห่งชาติ
หอสังเกตการณ์ดาราศาสตร์วิทยุแห่งชาติ (Thai National Radio Astronomy Observatory : TNRO) ภายใต้โครงการพัฒนาเครือข่ายวิทยุและยีออเดซี ติดตั้งกล้องโทรทรรศน์วิทยุแห่งชาติ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 40 เมตร ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นกล้องโทรทรรศน์วิทยุจานเดี่ยว แบบแนสมิธ-แคสสิเกรน ส่วนของจานรับสัญญาณสามารถหมุนได้ทั้งตามแกนตั้งและแกนนอน เพื่อติดตามเทหวัตถุอย่างแม่นยำ ใช้ศึกษาเทหวัตถุในเอกภพ และปรากฏการณ์ทางฟิสิกส์ที่เกี่ยวข้อง เช่น ดาวเคราะห์และดาวหางในระบบสุริยะ ดวงอาทิตย์ ดาวฤกษ์ ดาราจักรกัมมันต์ การระเบิดของดาวฤกษ์ ดาวนิวตรอน กาแลกซี หลุมดำ ฯลฯ

ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ได้ติดตั้งจานรับสัญญาณขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 40 เมตร น้ำหนักประมาณ 800 ตัน ต่อมาในเดือนตุลาคม 2564 ได้ทดสอบระบบขับเคลื่อนจานรับสัญญาณให้สามารถหมุนได้ทั้ง 2 แกน ขณะนี้ได้ติดตั้งอุปกรณ์ทั้งหมดของจานรับสัญญาณเรียบร้อยแล้ว เตรียมพร้อมการติดตั้งตัวรับสัญญาณเพื่อรับสัญญาณแรกในช่วงเดือนมกราคม 2565

8) งานวิจัยดาราศาสตร์ไทยน่าจับตา – หลากหลายหัวข้อการศึกษาวิจัย และการค้นพบองค์ความรู้ใหม่จากนักดาราศาสตร์ไทย เช่น การค้นพบดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะใหม่รอบระบบดาวคู่ นับเป็นดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะดวงแรกที่ถูกค้นพบโดยคนไทยทั้งหมด การค้นหาสสารมืดจากกาแล็กซีแคระ Draco และ Sculptor และงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์บรรยากาศ ที่ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในอากาศ เพื่อคาดการณ์การกระจายตัว การเคลื่อนที่ การเปลี่ยนแปลง รวมถึงการสะสมตัวของฝุ่นละอองและมลพิษต่าง ๆ ในอากาศ ที่นำไปสู่การแก้ไขปัญหามลภาวะทางอากาศ

9) ประเทศไทยกับก้าวสำคัญด้านการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ
“ภาคีความร่วมมืออวกาศไทย Thai Space Consortium: TSC” กำหนดแผนสร้าง “ดาวเทียมวิจัยวิทยาศาสตร์ไปโคจรรอบดวงจันทร์ในปี พ.ศ. 2570” ทั้งนี้ระหว่างเส้นทาง หน่วยงานภาคีฯ จะร่วมมือกันสร้างดาวเทียมวิจัยขนาดเล็ก 2 ดวง เพื่อทดสอบเทคโนโลยีต่างๆ ก่อนส่งยานไปโคจรรอบดวงจันทร์ การออกแบบและสร้างดาวเทียมถือเป็นโจทย์ยากที่ท้าทายความสามารถของบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ขั้นสูง ที่จะปูทางไปสู่การสร้างอุตสาหกรรมอวกาศในประเทศในอนาคต

ปัจจุบัน ทีมวิศวกรของหน่วยงานภาคีฯ ได้พัฒนา Payload ซึ่งเป็นอุปกรณ์ปฏิบัติภารกิจสำหรับติดตั้งบนดาวเทียม 2 ชุด ได้แก่ กล้องถ่ายภาพหลายช่วงคลื่น (Hyperspectral Imager) และอุปกรณ์สำรวจสภาพอวกาศ (Space Weather)

10) ดาราศาสตร์ผลักดันนวัตกรรมล้ำหน้า
สดร. ใช้ดาราศาสตร์ซึ่งเป็นโจทย์วิทยาศาสตร์ขั้นแนวหน้าในการพัฒนาคนและเทคโนโลยี จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีที่เปลี่ยนโลกจำนวนมาก มีต้นกำเนิดมาจากการพัฒนาในวงการวิทยาศาสตร์ขั้นแนวหน้า นั่นเป็นเหตุผลที่ สดร. ให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาและสร้างเครื่องมือและอุปกรณ์ทางดาราศาสตร์ด้วยตัวเอง เพื่อยกระดับความสามารถงานวิจัยและวิศวกรรม ปรับเปลี่ยนจากการเป็นผู้ซื้อและพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ เป็นผู้ออกแบบและสร้างอุปกรณ์ทางดาราศาสตร์ระดับสูง

ปัจจุบัน สดร. ได้ต่อยอดการสร้างนวัตกรรมล้ำหน้าในหลากหลายสาขา อาทิ การพัฒนาเครื่องมือแพทย์ การออกแบบและสร้างกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องกราด และระบบซอฟต์แวร์ฉายดาว ฯลฯ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผลงานของนักวิทยาศาสตร์ และวิศวกรฝีมือคนไทยทั้งสิ้น

สำหรับผู้ที่สนใจข่าวสารดาราศาสตร์เพิ่มเติม ติดตามได้ที่ www.facebook.com/NARITpage หรือ www.NARIT.or.th