เดินหน้าจัดเคาท์ดาวน์เชียงใหม่ สั่งจับตาเข้มนักท่องเที่ยวทั้งไทย-เทศ เข้าพื้นที่ หลังพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน 2 ราย
วันที่ 27 ธ.ค.64 รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีที่วานนี้ นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องแถลงข่าวพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 สายพันธ์โอไมครอน 2 รายแรกในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นชาวต่างชาติทั้ง 2 ราย โดยรายแรกเป็นชายชาวเยอรมัน อายุ 22 ปี (CM2916 1) เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 20 ธ.ค.64 ส่วนรายที่สอง เป็นชายชาวอังกฤษ อายุ 64 ปี ที่เดินทางมาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 19 ธ.ค.64 ซึ่งหลังการแถลงรายละเอียดข้อมูลตามที่ปรากฏไปแล้วนั้น ทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้สั่งดำเนินการติดตามผู้เสี่ยงสัมผัสอย่างใกล้ชิด และเร่งควบคุมไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด ส่วนความกังวลของประชาชนต่อการพบสายพันธ์โอไมครอนในจังหวัดเชียงใหม่ ยืนยันทีมสอบสวนโรคมีมาตาการสอบสวนและควบคุมโรคอย่างเต็มที่ ไม่อยากให้เกิดความตื่นตระหนกและให้ตื่นตัวป้องกันตัวเองอย่างเคร่งครัด
ขณะเดียวกันล่าสุด การจัดงานเคาท์ดาวน์ปีใหม่ ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่เป็นหนึ่งใน 5 จังหวัดที่มีการจัดงาน ทางจังหวัดได้เข้มงวดกำชับให้ร้านอาหารที่ได้รับอนุญาตให้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานโควิดฟรีเซตติ้งอย่างเคร่งครัด หากพบฝ่าฝืนจะมีความผิดและถูกสั่งระงับการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ร้าน พร้อมขอความร่วมมือประชาชนช่วยแจ้งเบาะแสร้านที่ฝ่าฝืนและขอให้ทุกคนป้องกันตัวเองอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ทางด้าน แพทย์หญิงเสาวนีย์ วิบุลสันติ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและควบคุมโรคที่ 1 เชียงใหม่ เปิดเผยว่า จังหวัดเชียงใหม่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับอนุญาตก่อนวันที่ 21 ธ.ค.64 ให้เดินทางเข้าจังหวัดผ่านโครงการแทสแอนด์โก เป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศสิงคโปร์ที่จะเดินทางเข้ามาช่วงก่อนสิ้นปี โดยทางจังหวัดมีการวางระบบทางสาธารณสุขไว้ โดยเมื่อเข้ามาที่โรงแรมจะต้องถูกกักตัว 24 ชั่วโมงเพื่อรอผลตรวจ หากผลเป็นลบและสามารถอกไปท่องเที่ยวได้ตามเงื่อนไข จะมีระบบติดตามต่อเนื่อง ทั้งผ่านแอพพลิเคชั่นหมอชนะ และ ให้ทางโรงแรมทำทะเบียนผู้เข้าพักทั้งหมดว่ามีโปรแกรมไปที่เที่ยวที่ไหน เบอร์ติดต่อ ที่พักต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถติดต่อได้ เมื่อวันที่ห้าหรือหกจะติดตามให้ไปทำอาร์ทีพีซีอาร์อีกครั้ง โดยสามารถนำคิวอาร์โค้ดไปทำอาร์ทีพีซีอาได้ที่โรงพยาบาลรัฐทุกแห่งและ รพ.เอกชนที่เข้าร่วม เพื่อเป็นการติดตามให้ครบระยะการฟังตัวของเชื้อ ก่อนที่จะปล่อยออกไปสู่ระบบปกติได้
ส่วนความกังวลต่อการแพร่ระบาดขอโรคในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ญเสาวนีย์ กล่าวว่า ขอให้ ปฏิบัติตามาตรฐานโควิดฟรีเซตติ้ง นอกจากผู้เข้าร่วมงานจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนร้อยเปอร์เซ็นต์ จะต้องตรวจเอทีเคก่อนเข้างาน ที่สำคัญคือความแออัดของสถานที่จัดงานที่จะต้องฝากถึงประชาชนและผู้จัดงานให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการอย่างเข้มข้น เชื่อว่าจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคได้