เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามสถานการณ์ และห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์อาหารซึ่งปรับตัวสูงขึ้นในหลายประเภทอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด โดยกำชับสั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันบูรณาการแก้ไขปัญหาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งให้ติดตามสถานการณ์ และกำชับให้แต่ละกระทรวงที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงพาณิชย์ ให้ร่วมกำหนดเป็นมาตรการช่วยเหลือประชาชน ทั้งระยะสั้น และระยะยาวโดยไม่ให้กระทบกลไกตลาด รวมทั้งให้คาดการณ์ไปในอนาคตว่าเมื่อสถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคมีราคาสูงขึ้นหลายชนิดอย่างต่อเนื่องเช่นนี้จะส่งผลให้ราคาสินค้าชนิดใด สูงขึ้นตามมาอีกหรือไม่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีต้องการให้กำหนดวิสัยทัศน์ในการแก้ไขปัญหาไปถึงอนาคตเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน
การปรับตัวของราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค เป็นไปตามกลไกตลาดอาหารโลก สอดคล้องกับดัชนีราคาอาหารโลก FAO Food Price Index: FFPI) ที่องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) รายงานของปี 2564 ไว้ โดยค่าเฉลี่ยของราคาสินค้าอยู่ในระดับสูงสุด นับตั้งแต่เมื่อปี 2554 ทั้งนี้ราคาสินค้ากลุ่มอาหารสดที่สูงขึ้น เช่น เนื้อหมู เป็นผลกระทบจากต้นทุนการเลี้ยง (อาหารสัตว์ ยารักษาโรค)เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งปัญหาโรคระบาดในสุกรในหลายประเทศและมาตรการลดความเสี่ยงโดยการจำกัดจำนวนการเลี้ยงที่ทำให้ปริมาณสุกรในระบบลดลง ซึ่งจะส่งผลให้ราคาสินค้าที่บริโภคทดแทนกันได้เช่น ไข่ ไก่ ปลา จะมีแนวโน้มปรับราคาสูงขึ้นในอนาคตได้ ในการนี้นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ทุกกระทรวงประเมินสถานการณ์ วางแนวทางและมาตรการต่าง ๆ เพื่อดูแลประชาชน โดยจะต้องแก้ไขทั้งผลกระทบเฉพาะหน้าและเร่งหาแนวทางช่วยเหลือในระยะยาวให้ครอบคลุมทั้งกลุ่มผู้ผลิตสินค้า และประชาชนผู้บริโภค รวมทั้งเน้นย้ำให้ทุกกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควบคุมดูแลให้เหมาะสมกับสถานการณ์และความต้องการของประชาชนเป็นที่ตั้ง
กรณีที่ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคโดยเฉพาะ “ราคาไข่ไก่” และ “เนื้อไก่” เริ่มทยอยปรับราคาสูงขึ้นนั้น นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้กระทรวงพาณิชย์เร่งเพื่อแก้ไขปัญหาโดยด่วน โดยกรมการค้าภายในจะลงพื้นที่ติดตามและหากพบการฉกฉวยขึ้นราคาจะมีการดำเนินคดีอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เป็นการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค แต่หากมีความจำเป็นต้องขึ้นราคาสินค้าในรายการใดก็สามารถทำเรื่องมายังกระทรวงพาณิชย์ เพื่อพิสูจน์เป็นรายกรณีไปว่ามีความจำเป็น ไม่ให้กระทบต่อเกษตรกรรายย่อยจากการกดราคาทางนโยบาย และเพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าขาดตลาดอีก