นายอำเภอสารภี แจงเหตุไม่สั่งปิดที่ว่าการหลังพบฝ่ายปกครองติดโควิด-19 ทำลูกน้องหวาดผวา พร้อมสั่งตรวจซ้ำอีกรอบ ย้ำพิจารณาสถานการณ์อย่างรอบคอบแล้ว
วันที่ 20 ม.ค. 65 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ เข้าตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยชุดตรวจเอทีเคเป็นครั้งที่สอง หลังจากก่อนหน้านี้เข้ารับการตรวจเมื่อวันที่ 17 มกราคม ที่ผ่านมา เพื่อหาเชื้อเชิงรุกสร้างความมั่นใจให้กับข้าราชการและพนักงานเจ้าหน้าที่ รวมทั้งประชาชนที่เข้ามาติดต่อราชการ จากการที่ก่อนหน้านี้มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองติดเชื้อโควิด-19 และเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสารภีบวรพัฒนา เมื่อวันที่ 16 มกราคม ที่ผ่านมา แต่นายเลอยศ พุทธชิโนรสสกุล นายอำเภอสารภี ไม่ได้มีคำสั่งปิดพื้นที่หรือให้เจ้าหน้าที่ที่ใกล้ชิดเข้ารับการกักตัวและยังเปิดให้ทำการตามปกติ ทำให้มีเจ้าหน้าที่บางคนเกรงว่าอาจเกิดการแพร่ระบาดในสถานที่และอาจไม่ปลอดภัยกับประชาชนที่มาติดต่อราชการ จนทำให้ในวันนี้นายอำเภอสั่งตรวจหาเชื้ออีกครั้งเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับข้าราชการในสังกัด
ทั้งนี้ทางด้าน นายเลอยศ พุทธชิโนรสสกุล นายอำเภอสารภี ชี้แจงสาเหตุที่ไม่มีคำสั่งให้ที่ว่าการอำเภอเป็นพื้นที่เสี่ยงว่าเนื่องจากพบผู้ติดเชื้อเพียงรายเดียวและได้เข้ารับการรักษาทันทีที่พบเชื้อ อีกทั้งเจ้าหน้าที่คนนี้ก็ไม่ได้มาทำงานอีกหลังตรวจพบเชื้อ ทำให้ไม่มีผู้สัมผัส นอกจากนี้ทางอำเภอยังสั่งตรวจเอทีเคทุกคนทันทีในวันรุ่งขึ้น ผลเป็นลบทั้งหมด การติดเชื้อเพียงคนเดียวยังไม่เข้านิยามของการแพร่ระบาด ประกอบกับสถานที่ทำงานเปิดโล่งอากาศถ่ายเท มีมาตรการเว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย และ ข้าราชการเจ้าหน้าที่ในอำเภอฉีดวัคซีนไปแล้วกว่าร้อยละ 90 จึงยังไม่จำเป็นต้องสั่งปิดหรือควบคุมพื้นที่ เพราะไม่ต้องการให้มีผลกระทบต่องานราชการและประชาชนที่มีความจำเป็นจะต้องเข้ามาติดต่อราชการ
นายอำเภอสารภี บอกว่า ตนเองใช้ดุลพินิจอย่างรอบคอบและวันนี้มีการตรวจซ้ำ หากพบติดเชื้อเพิ่มก็จะพิจารณาปิดพื้นที่ แต่ผลตรวจก็ไม่พบติดเชื้อเพิ่ม ส่วนข้าราชการบางคนกังวลต่อสถานการณ์ กลัวติดเชื้อ ก็ให้มาคุยกันได้ จะขอไปทำงานที่บ้านหรือลาพักก็ได้หากไม่กระทบกับงาน
โดยในส่วนของประชาชนที่จะเข้ามาติดต่อราชการขอให้มั่นใจ เพราะตอนนี้สถานการณ์ระบาดโควิด-19 ดีขึ้นมาก ประชาชนฉีดวัคซีนมากขึ้น แม้กระทั่งมาตรการกักตัวของผู้สัมผัสเสี่ยงสูงก็ลดลงเหลือ 6 วัน และ สังเกตอาการเพิ่มอีก 4 วัน ยืนยันว่าการสั่งปิดสถานที่ไม่ใช่พบเพียงคนเดียวก็ดันทุรังปิด แต่ต้องดูข้อเท็จจริงและสถานการณ์ รวมทั้งหลักเกณฑ์และนิยามของการระบาดประกอบกันไปด้วย