สหรัฐฯ และไทย เปิดศูนย์ฝึกอบรมปฏิบัติการรบในอาคารแบบ “ระยะประชิด” ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจตระเวนชายแดน อ.แม่แตง
เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2565 อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ไมเคิล ฮีธ พร้อมด้วยพลตำรวจตรี วรายุทธ สุขวัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (รอง ผบช.ตชด.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์ฝึกอบรมการปฏิบัติการรบในอาคารแบบ “ระยะประชิด” ณ ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจตระเวนชายแดน อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ โดยอาคารและส่วนต่อขยายที่สร้างขึ้นด้วยทุนสนับสนุนจากสหรัฐฯ แห่งนี้แสดงถึงความร่วมมือที่ยาวนานระหว่างสหรัฐฯ กับไทย อีกทั้งยังจะช่วยให้เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายสามารถยกระดับการปกป้องประชาชนในไทยและทั่วภูมิภาคจากอาชญากรรมข้ามชาติ
อาคารและส่วนต่อขยายมูลค่า 600,000 เหรียญสหรัฐ (19.8 ล้านบาท) ประกอบไปด้วยสนามซ้อมยิงปืน หมู่บ้านจำลอง อาคารฝึกยุทธวิธีสูง 3 ชั้น และอุปกรณ์อื่น ๆ รวมไปถึงระบบบันทึกภาพกล้องวงจรปิดแบบดิจิทัล ซึ่งกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (บช.ตชด.) จะใช้เพื่อฝึกฝนทักษะในสถานการณ์จำลองสิ่งแวดล้อมหลากหลายรูปแบบ ตลอดจนทบทวนและวิเคราะห์ภาพการฝึกที่บันทึกไว้เพื่อการพัฒนาต่อไป สหรัฐฯ มอบการสนับสนุนมูลค่ารวม 1.2 ล้านเหรียญสหรัฐ (40 ล้านบาท) ให้แก่ตำรวจตระเวนชายแดนในภาคเหนือ โดยส่งเสริมการพัฒนาศูนย์ฝึกอบรมแห่งนี้และจะจัดโครงการฝึกอบรมต่าง ๆ ในอนาคต
ในพิธี อุปทูตฮีธได้เน้นย้ำมิติของพันธไมตรีระหว่างสหรัฐฯ กับไทย ตลอดจนความร่วมมือด้านความมั่นคงของเรา
“ความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายที่ยาวนานของเราปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งรวมไปถึงการลักลอบค้ามนุษย์ ยาเสพติด และสัตว์ป่า โดยช่วยให้ประชาชนของเราทั้งสองชาติ ตลอดจนภูมิภาคนี้ปลอดภัย” อุปทูตฮีธกล่าว
“ความช่วยเหลือที่สหรัฐฯ มอบให้เพื่อพัฒนาศูนย์ฝึกอบรมแห่งนี้ จะยกระดับความสามารถของกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนในการต่อต้านกิจกรรมผิดกฎหมายข้ามพรมแดน อีกทั้งยังแสดงถึงความทุ่มเทที่เรามีให้แก่ประเทศไทย ซึ่งเป็นภาคีและพันธมิตรของเรา” พลเรือตรี ชาร์ลส์ ฟอซี ผู้อำนวยการกองกำลังเฉพาะกิจร่วมตะวันตก (JIATF West) กองบัญชาการภาคพื้นอินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯ กล่าว ทั้งนี้ JIATF West เป็นหน่วยงานที่สนับสนุนทุนเพื่อการก่อสร้างอาคารและปรับปรุงศูนย์ฝึกอบรมดังกล่าว
พล.ต.ต. วรายุทธ รอง ผบช.ตชด. กล่าวว่า “ผมรู้สึกขอบคุณหน่วยงานภาคีสหรัฐฯ ที่สนับสนุนเรามายาวนานและร่วมมือกับเราอย่างต่อเนื่อง”
สหรัฐฯ และไทย จับมือกันเพื่อขับเคลื่อนผลประโยชน์ที่เรามีร่วมกันในทุกภาคส่วน รวมถึงการสาธารณสุข การพาณิชย์ การศึกษา และความมั่นคง ความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายที่ครอบคลุมระหว่างกันสะท้อนความสำคัญของไทยต่อสหรัฐฯ ในฐานะภาคีของเราและผู้นำระดับภูมิภาค