เชียงใหม่ พบผู้ติดเชื้อในสถานที่ทำงานเพิ่มขึ้น ขณะที่ผู้เสียชีวิตยังเป็นกลุ่มผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัว
สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 จังหวัดเชียงใหม่ วันนี้ (2 ก.พ. 65) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 147 ราย โดยเป็นผู้ติดเชื้อจากต่างจังหวัดเพียง 7 ราย ส่วนที่เหลืออีก 140 ราย เป็นผู้ติดเชื้อในจังหวัดทั้งหมด ซึ่งมาจากคลัสเตอร์ใหม่และคลัสเตอร์เดิมที่ยังคงระบาดอยู่ จำนวน 11 ราย จาก 2 คลัสเตอร์ เป็นคลัสเตอร์เดิมที่ยังคงระบาดอยู่ ประกอบด้วย คลัสเตอร์หอผู้ป่วยเด็กโรงพยาบาลนครพิงค์ 9 ราย ยอดรวมผู้ติดเชื้อทั้งหมด 12 ราย โดยผู้ติดเชื้อรายแรกเป็นผู้ป่วยเด็กและมารดา ตรวจ ATK ครั้งแรกเป็นลบ พักรักษาตัวในโรงพยาบาล แล้วเริ่มมีอาการจึงตรวจ RT-PCR ผลยืนยันว่าติดเชื้อทั้ง 2 ราย จึงต้องตรวจคัดกรองผู้สัมผัสใกล้ชิดพบแพทย์ บุคลากร และผู้ป่วยเตียงข้างเคียงจึงพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม และคลัสเตอร์วอร์ดมหิดล โรงพยาบาลแมคคอร์มิค อีก 2 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้สัมผัสจากการทำงานในวอร์ดดังกล่าว
ส่วนคลัสเตอร์เดิมที่อยู่ระหว่างการควบคุมโรคพบเพิ่ม 1 ราย จากคลัสเตอร์หมู่ 5 ตำบลฟ้าฮ่าม ด้านการระบาดในครอบครัวพบผู้ติดเชื้อ เพิ่ม 6 ราย จาก 2 ครอบครัว ได้แก่ ครอบครัวหมู่ 12 ตำบลสันกำแพง 4 ราย และครอบครัวหมู่ 13 ตำบลสันกำแพง อีก 2 ราย นอกจากนี้ยังมีผู้ติดเชื้อจากการสัมผัสผู้ติดเชื้อรายก่อนหน้า 94 ราย และผู้ติดเชื้อที่อยู่ระหว่างการสอบสวนเชื่อมโยงคลัสเตอร์อีก 28 ราย
ด้านข้อมูลผู้เสียชีวิต 2 ราย วันนี้ล้วนเป็นกลุ่มผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัว โดยรายแรกเป็นชายไทย อายุ 76 ปี มีโรคประจำตัว คือ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และมะเร็งปอด วันที่ 15 มกราคม เริ่มมีอาการหายใจเหนื่อยหอบ วันที่ 18 มกราคม ตรวจ RT-PCR ยืนยันว่าติดเชื้อจึงรับไว้รักษาที่โรงพยาบาลสันทราย วันที่ 28 มกราคม มีอาการเหนื่อยมากขึ้น ออกซิเจนในเลือดต่ำและซึมลง วันที่ 29 มกราคม ระบบหายใจล้มเหลวและเสียชีวิตลง
อีกรายเป็นชายไทย อายุ 78 ปี มีโรคประตัว คือ ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง วันที่ 8 มกราคม เริ่มมีอาการไอ หายใจเหนื่อย ผล ATK เป็นบวกจึงแยกกักตัวที่บ้าน วันที่ 18 มกราคม มีอาการเหนื่อยหอบมากขึ้นและนำส่งโรงพยาบาลนครพิงค์ ตรวจ RT-PCR ยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ Omicron ต่อมาออกซิเจนในเลือดต่ำ จึงใส่ท่อช่วยหายใจ แพทย์ให้การรักษาประคับประคองเรื่อยมา จนกระทั่งวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ระบบหายใจล้มเหลวและเสียชีวิต
สำหรับผู้มีสัญชาติไทยที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศและมีความประสงค์จะเดินทางกลับเข้าประเทศไทย กระทรวงการต่างประเทศได้กำหนดแนวทางการขออนุญาติเข้าประเทศด้วยระบบ Test & Go โดยต้องลงทะเบียนผ่านระบบ Thailand Pass ล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วันก่อนการเดินทาง และตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อนการเดินทาง 72 ชั่วโมง ส่วนกรณีเป็นผู้ติดเชื้อจะต้องรักษาหายแล้วไม่น้อยกว่า 14 วัน และมีใบรับรองแพทย์ยืนยัน แต่ไม่เกิน 3 เดือน เมื่อเดินทางถึงประเทศไทยให้เข้ารับการตรวจ RT-PCR ครั้งที่ 1 เมื่อเดินทางมาถึง พร้อมให้เข้าพักโรงแรมที่จองไว้ และรอผลตรวจในห้องพัก หากผลเป็นลบจึงจะสามารถเดินทางต่อได้ และเข้ารับการตรวจครั้งที่ 2 ในวันที่ 5 ระหว่างพำนักในไทย หากผลเป็นลบจึงจะสามารเดินทางตามปกติได้
ข่าว : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่