สาวอุ้มท้อง 7 เดือน ร้องศูนย์ดำรงธรรมเชียงใหม่ ช่วยประสานติดตามเอกสารการเสียชีวิตและทรัพย์สินทั่วโลกของสามีซึ่งเป็นประธานองค์การแห่งชาติคะฉิ่น หลังสามีได้เสียชีวิตลงจากโควิด-19 ที่ประเทศอังกฤษ
สาวเชียงใหม่ ภรรยานอกสมรส ของประธานองค์การแห่งชาติคะฉิ่น ประธานสภาแห่งชาติคะฉิ่น ประเทศเมียนมา ที่กำลังตั้งท้อง 7 เดือนหอบลูกชายวัย 4 ขวบ เข้าร้องศูนย์ดำรงธรรม จ.เชียงใหม่ ให้ช่วยติดตามญาติสามีและ ค้นหาทรัพย์สินสามี หลังสามีเสียชีวิตจากโควิดที่ประเทศอังกฤษ โดยก่อนหน้านี้ระหว่างที่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ทั้งสองได้อยู่ในประเทศไทยนานถึง 2 ปีก่อนที่สามีจะเดินทางไปประเทศอังกฤษและติดโควิดเสียชีวิตช่วงเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ขณะที่ฝ่ายหญิงตั้งท้องกับผู้นำคะฉิ่นคาดอีกไม่เกิน 2 เดือนคงจะคลอด
ที่ศูนย์ดำรงธรรมศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นางสาวไพริน จงสุข อายุ 30 ปี ชาว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ อุ้มท้องได้ 7 เดือน พร้อมกับลูกชายวัย 4 ขวบเศษ เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นางสาววัชราภรณ์ วงอินทร์ตา ทนายความ เพื่อขอความช่วยเหลือ หลังสามีชื่อ นายลารอ บมวัง ประธานองค์การแห่งชาติคะฉิ่น ประธานสภาแห่งชาติคะฉิ่น ประเทศเมียนมา ได้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 ที่ประเทศอังกฤษ ขณะที่เดินทางไปประชุมเพื่อหารือด้านความมั่นคงภายใน ซึ่งเสียชีวิตประมาณต้นเดือนตุลาคม 2564
นางสาวไพริน ภรรยานอกสมรสของนายลารอ บมวัง เปิดเผยว่า ทั้งสองอยู่กินฉันสามีภริยาตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. 2553 โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน มีบุตรร่วมกัน 1 คน คือ เด็กชายลานุงหรี่ อายุ 4 ขวบเศษ และกำลังตั้งท้องได้ 7 เดือน อีกหนึ่งคนพักอาศัยอยู่ อ.แม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่คบกัน ทางภรรยาของนาย ลารอ บมวัง และญาติทราบดีว่าได้อยู่กินกันที่เชียงใหม่โดยเปิดเผยต่อสาธารณชนไปไหนมาไหนด้วยกัน ต่อมาในช่วงเชื้อไวรัสโควิด 19 เกิดการแพร่ระบาด ดังนั้น ตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2562 ถึงวันที่ 10 กันยายน 2564 ได้พักอาศัยอยู่กับสามี และบุตรชายตลอด ยกเว้น มีเหตุเกี่ยวกับการเมืองของรัฐคะฉิ่น สามีจะต้องไปประชุมปรึกษาหารือเรื่องภายในถึงจะได้ห่างกัน
กระทั่งวันที่ 10 กันยายน 2564 สามี ต้องเดินทางกลับไปประเทศอังกฤษเพื่อประชุมเรื่องความมั่นคงภายในซึ่งตนไม่ทราบว่าเรื่องอะไรบ้างจนกระทั่งติดเชื้อโควิด 19 พร้อมทั้งรักษาตัวที่ประเทศดังกล่าว ตลอดการรักษา ได้ติดต่อวีดีโอคอลตลอด ภายหลังวันที่ 5 ตุลาคม 2564 ไม่สามารถติดต่อสามีได้ และตนพยายามติดต่อทุกวิถีทางเช่นติดต่อไปยังคนขับรถชื่อตอง ก็บอกว่าสามีนั้นเสียชีวิตด้วยโรคโควิด 19 จริง เพื่อความมั่นใจก็ได้ติดต่อ จากแฟนเพจ Facebook.com ที่ใช้ชื่อว่า “Kachin National Organization” และ “BBC Burmese” จึงมั่นใจว่าสามีนั้นเสียชีวิต
นางสาวไพริน กล่าวอีกว่า ปัจจุบันตนและลูกได้รับความเดือดร้อน รวมถึงบุตรที่อยู่ในท้องซึ่งกำลังจะคลอดในอีกไม่เกิน 2 เดือนข้างหน้านี้ลำบากมาก ไม่รู้จะขอความช่วยเหลือจากผู้ใด มิได้ทำงาน เงินเก็บที่มีอยู่ก็นำออกมาใช้จนจะหมดแล้ว แม้แต่ค่าคลอดบุตรยังไม่รู้ว่าจะหาได้จากที่ใด รวมถึงในอนาคตข้างหน้าบุตรชายวัย 4 ขวบ และบุตรที่กำลังจะลืมตาดูโลก ไม่รู้ว่าจะเลี้ยงพวกเขาทั้งสองได้อย่างไร จึงมาร้องขอความเป็นธรรมต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้ช่วยเหลือในการติดต่อประสานงานทั้งในและต่างประเทศเกี่ยวกับเอกสารการเสียชีวิต และทรัพย์สินทั่วโลกของสามี เพื่อให้ลูก ได้รับสิทธิ์ที่ควรจะได้รับตามกฎหมายด้วยความยุติธรรมต่อไป
นอกจากนี้ตนยังได้ไปดูร้านจิวเวลรี่ หยก ที่ประเทศฮ่องกง 2 ร้านจิวเวลรี่ หยก ที่ประเทศจีน 1สาขา บ้านพักอาศัยที่ประเทศอังกฤษ เงินฝากในบัญชีที่ประเทศอังกฤษ ไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท กิจการปั๊มน้ำมัน ที่ประเทศอินเดีย 1 แห่ง ที่ดินที่จังหวัดพะเยา อำเภอดอกคำใต้ ประมาณ 30 ที่ดินที่จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอแม่ริม ประมาณ 60 ไร่ ที่ดินที่จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอเชียงดาว ประมาณ 300ไร่ ที่ดินที่จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอเมือง ประมาณ 2 งาน
ทางด้าน นางสาววัชราภรณ์ วงอินทร์ตา ทนายความ เปิดเผยว่า คดีนี้ได้ตรวจสอบแล้ว มีความเชื่อมโยงกับใครบ้างโดยเฉพาะผู้ที่รู้เห็นเกี่ยวกับทรัพย์สินผู้ตายซึ่งเป็นสามี นั้นมีอีก 1 คน ซึ่งเป็นคนไทย ชื่อวิรัตน์ ตอนนี้กำลังติดตามเพื่อสอบถามเรื่องทรัพย์สินต่าง ๆ ขณะเดียวกันได้ ขอความช่วยเหลือไปยังศูนย์ดำรงธรรมเพื่อประสานระหว่างหน่วยงานภาครัฐต่อรัฐ เกี่ยวกับเอกสารทรัพย์สินผู้ตาย ทั้งนี้เพื่อจะได้ขอความช่วยเหลือตามสิทธิ์ของบุตรชาย อายุ 4 ขวบ ที่เกิดกับภรรยาชาวไทย ว่าจะช่วยเหลือด้านใดบ้าง
ขณะที่นายเอกราช รังสรรค์ นักวิเคราะห์นโยบายและแผน ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ เดินทางมารับหนังสือ พร้อมกับเปิดเผยว่าหลังจากได้รับหนังสือแล้วได้ตรวจสอบข้อมูลทราบว่านายลอราฯถือสัญชาติเบลีซ อยู่แถบอเมริกากลาง หลังจากนี้ทางศูนย์ดำรงธรรม จ.เชียงใหม่ จะได้ประสานไปยังผู้แทนกระทรวงต่างประเทศใน จ.เชียงใหม่ เพื่อประสานให้ความช่วยเหลือต่อไปคาดว่าจะดำเนินการตรวจสอบต้องใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์
