ตำรวจสอบสวนกลางร่วม อย. ทลายแหล่งจำหน่ายเครื่องสำอางปลอม ยี่ห้อดังจำนวนมาก มูลค่าของกลางกว่า 30,000,000 บาท
เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2565 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติงานกรณีทลายแหล่งจำหน่ายเครื่องสำอางปลอมยี่ห้อดังจำนวนมาก โดยลวงขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ตรวจยึดของกลางจำนวน 19 ยี่ห้อผลิตภัณฑ์ มูลค่ากว่า 30,000,000 บาท
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภคจำนวนมากว่าพบการจำหน่ายเครื่องสำอางยี่ห้อดังซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ปลอมและด้อยคุณภาพ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ จึงทำการสืบสวนจนทราบถึงแหล่งที่มาของสินค้าผิดกฎหมายดังกล่าว พบบ้านเช่าที่มีคนจีนเช่าเป็นแหล่งเก็บสินค้าปลอมและด้อยคุณภาพ จำนวน 3 แห่ง โดยสินค้าดังกล่าวได้นำมาโฆษณาขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ในราคาที่ถูกมากกว่าปกติ ต่อมาในวันที่ 7 มีนาคม 2565 กก.4 บก.ปคบ., กก.1 บก.ปอศ. ได้ร่วมกับ อย. ในการเข้าค้น จำนวน 3 จุด รายละเอียดดังนี้
1.) เจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายค้นของศาลจังหวัดมีนบุรี เข้าค้นบ้านเช่า ในซอยสัมมากร แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพ โดยพบคนสัญชาติจีนจำนวน 2 คน (สงวนชื่อนามสกุลจริง) แสดงตนเป็นผู้ดูแลบ้านหลังดังกล่าว จากการตรวจสอบบ้านหลังนี้ใช้เป็นสถานที่เก็บสินค้าและแพ็คบรรจุสินค้าส่งให้กับลูกค้า จากนั้นตรวจยึดผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางปลอมยี่ห้อดังและด้อยคุณภาพ และตรวจยึดผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัยว่าปลอม รวมกว่า 19 รายการ
2.) เจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายค้นของศาลแขวงพระนครเหนือ เข้าค้นบ้านเช่า ในซอยรามคำแหง 76 แยก 2 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพ โดยตรวจยึดเครื่องสำอางปลอมยี่ห้อดังและด้อยคุณภาพ และตรวจยึดผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัยว่าปลอม รวมกว่า 13 รายการ โดยลักษณะเช่าเป็นสถานที่เก็บสินค้า
- เจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายค้นของศาลแขวงพระนครเหนือ เข้าค้นบ้านเช่า ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพ โดยตรวจยึดผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัยว่าปลอม รวมกว่า 12 รายการโดยลักษณะเช่าเป็นสถานที่เก็บสินค้า
จากการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ทั้งหมด พบมูลค่าสินค้ากว่า 30 ล้านบาท จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจยึดของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนกก.4 บก.ปคบ.ดำเนินคดีตามกฎหมาย
เบื้องต้นการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม
1. พระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2558
– ฐาน “ขายเครื่องสำอางปลอม” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2. พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534
– ฐาน “จำหน่าย เสนอจำหน่าย หรือมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายรับรองหรือเครื่องหมายร่วมปลอม” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกินสี่แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นพ.วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า การดำเนินการในครั้งนี้เป็นการจับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ผิดกฎหมายที่ลักลอบปลอมที่มีเครื่องหมายการค้าและนำเอาเลขที่ใบรับแจ้งของผู้อื่นมาใช้ จัดเป็นเครื่องสำอางปลอม จึงขอย้ำเตือนผู้บริโภคให้ระมัดระวังในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางทางสื่อออนไลน์ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีราคาถูกเกินกว่าปกติ หรือโฆษณาโปรโมชั่นการตลาดที่ราคาลดลงจนไม่น่าเป็นไปได้ เช่น ลด 50 -70 % , ซื้อ 1 แถม 2, สินค้า Pre Order, กล่าวอ้างซื้อตัดล็อต หรือเป็นของแท้จากต่างประเทศ ไม่เสียภาษีจึงราคาถูก เป็นต้น ให้ระลึกไว้เสมอว่าท่านกำลังเสี่ยงต่อการได้ของปลอม ของไม่มีคุณภาพ ใช้แล้วอาจเกิดอาการแพ้ หน้าพังได้ ฉะนั้น จึงขอให้ผู้บริโภคระมัดระวังและไตร่ตรองให้รอบคอบ และขอเตือนผู้บริโภคก่อนซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพใด ๆ ควรตรวจสอบข้อมูลอนุญาตทางเว็บไซต์ อย. www.fda.moph.go.th ก่อนทุกครั้ง ไม่ควรซื้อเครื่องสำอางที่ไม่มีเลขจดแจ้ง ไม่มีฉลาก หรือแสดงฉลากเป็นภาษาต่างประเทศ หรือราคาถูกเกินจริง กลุ่มเครื่องสำอางที่มีการโฆษณาสรรพคุณผิวขาวภายใน 7 วัน ขาวนีออน ขาวออร่า ลดสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยสิว ริ้วรอย มักพบสารห้ามใช้ ซึ่งเมื่อใช้ไประยะหนึ่งผิวจะกลายเป็นดำคล้ำเป็นฝ้าถาวร หรือเป็นแผลเป็นถาวรไม่สามารถรักษาให้หายได้ ทั้งนี้หากพบแหล่งผลิตหรือจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผิดกฎหมายหรืออาจไม่ปลอดภัยในการบริโภค ขอให้แจ้งเบาะแสร้องเรียนมาได้ที่ สายด่วน อย. โทร. 1556 อีเมล์ 1556@fda.moph.go.th หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ
พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. ฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนว่าระมัดระวังและไตร่ตรองให้รอบคอบ อย่าหลงซื้อผลิตภัณฑ์ผ่านสื่ออนไลน์ เพียงเพราะเห็นแก่ราคาสินค้าที่ถูกกว่าท้องตลาดและหลงเชื่อการโฆษณา และขอเน้นย้ำกับผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางแพลตฟอร์ม อี-มาร์เก็ตเพลส และทาง สื่อออนไลน์ทั้งหลายว่าอย่านำสินค้าที่ผิดกฎหมายมาจำหน่ายหรือหลอกลวงผู้บริโภคโดยเด็ดขาด หากพบจะดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุด ทั้งนี้ผู้ที่พบเห็นการกระทำความผิดกฎหมายในลักษณะอื่นใด สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน ปคบ.1135 หรือ เพจ ปคบ.เตือนภัยผู้บริโภคได้ตลอดเวลา