ภาคประชาชน-จนท.ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ลุยสำรวจ “บ้านป่าแหว่ง” ด้านธนารักษ์เผยติดข้อกฎหมายรับมอบครุภัณฑ์ อยู่ระหว่างเร่งดำเนิน ส่วนภาคประชาชนพร้อมเข้าปลูกต้นไม้ฟื้นฟูป่า

ภาคประชาชน-จนท.ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ลุยสำรวจ “บ้านป่าแหว่ง” ด้านธนารักษ์เผยติดข้อกฎหมายรับมอบครุภัณฑ์ อยู่ระหว่างเร่งดำเนิน ส่วนภาคประชาชนพร้อมเข้าปลูกต้นไม้ฟื้นฟูป่า

ช่วงสายวันที่ 4 เม.ย. 65 นายธีรศักดิ์ รูปสุวรรณ ผู้ประสานงานเครือข่ายขอคืนผืนป่าดอยสุเทพ พร้อม นายกรจักร ชูทิพย์ ธนารักษ์จังหวัดเชียงใหม่ และนายณัฐดนัย ทรนงค์ชัยภักดิ์ หุ้นส่วนผู้จัดการ หจก.เชียงใหม่ เค คอนสครัคชั่น (CMK) นำสื่อมวลชนเข้าพื้นที่ป่าด้านข้างรั้ว สถานที่ตั้งโครงการบ้านพักข้าราชการตุลาการ 45 หลัง และคอนโด 9 หลัง ของสำนักงานศาลอุทธรณ์ภาค 5 หรือบ้านป่าแหว่ง ที่กินพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย จนแหว่งเข้าไปอย่างชัดเจน แม้ทางศาลฯจะมีการออกมาชี้แจงว่าทำในพื้นที่ดินโดยถูกต้องตามกฎหมาย แต่ทางเครือข่ายฯและภาคประชาชนชาวเชียงใหม่ร่วมกันคัดค้าน มาเกือบครบ 3 ปี และได้เคลื่อนไหวแสดงจุดยืนขอคืนผืนป่าดอยสุเทพ ณ ข่วงประตูท่าแพ ตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน 61 จนกระทั่งกลางเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน มติ คกก.จังหวัดเชียงใหม่ ได้สั่งรื้อบ้านป่าแหว่ง 45 หลัง และคอนโด 9 หลัง และต่อมาในเดือนกันยายน 61 ประธานศาลฎีกา ได้ให้สัมภาษณ์ว่าได้คืนบ้านป่าแหว่งแล้ว แต่ปลายปี 63 ทางกรมธนารักษ์ ไม่ยอมรับมอบอาคารและพื้นที่ อ้างไม่มีกฎหมายรับรองที่จะรับมอบครุภัณฑ์ในบ้านพัก เช่นแอร์ ทีวี เฟอร์นิเจอร์

ต่อมาเมื่อปี 2562 ทางด้านสำนักงานศาลอุทธรณ์ภาค 5 ได้รับงบประมาณในการก่อสร้างกว่า 737 ล้านบาท เพื่อจัดสร้างสำนักงานศาลอุทธรณ์ภาค 5 แห่งใหม่ พร้อมที่พักอาศัยของข้าราชการ โดยเริ่มสร้างตั้งแต่ 24 ตุลาคม 2562 กำหนดเสร็จ 7 กันยายน 2565 และเกือบ 3 ปีแล้ว ยังบริเวณที่ก่อสร้างยังมีแต่เสาและโครงที่มีแต่เถาวัลย์ขึ้นรก เพราะผู้รับเหมาทิ้งงานไปแล้ว จนทางศาลฯไม่สามารถย้ายสำนักงาน และบ้านพักข้าราชการไปอยู่ที่จังหวัดเชียงรายได้ ตามที่เป็นข่าวมาอย่างต่อเนื่องนั้น

ขณะที่ ล่าสุด นายณัฐดนัย ทรนงค์ชัยภักดิ์ หุ้นส่วนผู้จัดการ หจก.เชียงใหม่ เค คอนสครัคชั่น (CMK) ได้เปิดเผยว่า ทางตนได้รับสัญญาว่าจ้างจากทางบริษัท JV (Jointveenture) กิจการร่วมค้า เอสที -แมกซ์เอนส์ – ไทยพารากอนทีดับบลิว ที่มีบริษัทย่อย 4 บริษัทซึ่งเป็นคู่สัญญาหลักในการก่อสร้างศาลอุทธรณ์ภาค 5 ที่จังหวัดเชียงราย โดยมี บริษัท แมกซ์เอนส์ เป็นผู้รับผิดชอบบริหารงานก่อสร้าง ได้ว่าจ้างช่วงต่อกับ หจก.เชียงใหม่ เค คอนสครัคชั่น มูลค่าสัญญา 590 ล้านบาท โดยมีสัญญาการก่อสร้าง 1,050 วัน ซึ่งขณะนี้เหลือระยะเวลาอีกเพียง 5 เดือน (สิ้นสุด 7 กันยายน 2565) โดยทาง CMK ได้ลงทุนแทน JV ไปล่วงหน้าแล้วกว่า 100 ล้านบาท และทำงานตั้งแต่วันแรกจนถึงปัจจุบันยังไม่เคยหยุด และงวดที่ 1 ส่งงานไปแล้วจำนวน 13 ล้านบาท แต่ศาลมีคำสั่งว่าจ้างช่วง โดยไม่แจ้งให้ศาลทราบเป็นลายลักษณ์อักษร จึงสั่งปรับจำนวน 10,390,000 บาท บวกดอกเบี้ย 250,000 บาท ได้รับเงินเพียง 390,000 บาท โดยศาลใช้เวลาตัดสินเดือนเศษ และทาง CMK จึงกัดฟันทำให้งานจบตามระยะเวลาที่กำหนด

และล่าสุดส่งงานงวดที่ 3 เดือนตุลาคม 2564 เป็นเงิน 14 ล้านกว่าบาท และศาลยังให้เหตุผลเดิมคือการจ้างช่วงโดยไม่แจ้งให้ศาลทราบฯ เป็นจำนวนเงินกว่า 5 ล้านบาท (คิดจาก 10% ของมูลค่าจ้างช่วง) แม้จะตรวจรับงานแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถจ่ายให้ได้ และนับจากตุลาคม 2564 จนถึงปัจจุบันศาลฯยังไม่มีคำตอบใดๆว่าจะจ่ายหรือจะปรับอย่างไร ทั้งที่เหลือเวลาตามสัญญาก่อสร้างเพียง 5 เดือนเศษ ในส่วนตนเป็นผู้รับเหมาต้องการให้งานแล้วเสร็จและต้องการได้เงินลงทุนคืน แต่ความชัดเจนไม่เกิดว่าจะปรับหรือไม่ปรับในจำนวนนี้ จึงทำให้งานเดินต่อไม่ได้ และผู้ว่าจ้างคือ JV ก็ออกหนังสือยกเลิกสัญญาอีก โดยตนเคยเข้าชี้แจงกับศาลฯเมื่อ 28 มกราคม 2565 ว่านับจากนี้ถ้าศาลมีคำสั่งใดๆเกิดขึ้น หรือชัดเจนขึ้น ทาง CMK สามารถก่อสร้างศาลฯ ที่เชียงรายในพื้นที่ 4 ไร่ จะสามารถสร้างให้แล้วเสร็จได้ภายในหนึ่งปี

นายธีรศักดิ์ รูปสุวรรณ ผู้ประสานงานเครือข่ายฯ กล่าวว่า ทางเครือข่ายฯเตรียมเดินหน้าปลูกป่าย่านบ้านป่าแหว่ง โดยใช้เส้นทางจากอ่างเก็บน้ำแม่จอก ของกรมชลประทานไปยังพื้นที่ป่าด้านข้างบ้านพักสำนักงานศาลอุทธรณ์ภาค 5 เชียงใหม่ ประมาณ 100 เมตร โดยจะทำประตูเข้าด้านข้างในเร็วๆ นี้ ซึ่งต้องรอทางธนารักษ์ว่าจะรับมอบครุภัณฑ์เมื่อใด ขณะนี้แม้มีคำสั่ง คกก.จังหวัดเชียงใหม่ ได้สั่งคืนบ้าน 45 หลัง ส่วนคอนโด 9 หลัง ขณะนี้มีผู้เข้าไปอยู่ตามความจำเป็น 30 ครอบครัว ส่วนบ้านพักทั้งหมดจะได้รับมอบคืนเร็ววันนี้เช่นกัน ซึ่งจะได้เข้าไปปลูกป่าทันก่อนถึงฤดูฝน แต่ขณะนี้มีความกังวลเรื่องคอนโด 9 หลัง เนื่องจากการก่อสร้างที่เชียงรายไม่แล้วเสร็จ เพราะติดปัญหาในการก่อสร้างดังกล่าว จึงยังไม่สามารถย้ายออกได้ โดยเครือข่ายยังยืนยันเสมอว่าอยากได้พื้นที่ป่าคืน

ด้าน นายกรจักร ชูทิพย์ ธนารักษ์จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาการส่งคืนพื้นที่ตามคำสั่งมีปัญหาในส่วนของครุภัณฑ์ต่างๆ ที่อยู่นอกเหนือความรับผิดชอบ หากทางกรมธนารักษ์รับผิดชอบได้เรื่องนี้ก็จะจบโดยเร็ววัน ซึ่งหลังจากรับมาแล้วก็ต้องหาวิธีการนำไปใช้ต่อหรือการนำไปบริจาคส่วนราชการหรือกาชาด องค์กรสาธารณะเพื่อเกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งเมื่อได้พื้นที่คืนจะสามารถนำไปให้พี่น้องชาวเชียงใหม่ได้นำไปใช้ปลูกป่าเพื่อฟื้นฟู สุดท้ายพื้นที่บริเวณนี้ตามเงื่อนไขข้อตกลงที่ต้องเป็นผืนป่าที่สมบูรณ์ต่อไป