ผลสำรวจพบนักสูบไทย ใช้เงินซื้อบุหรี่เดือนละกว่า 734 บาท  ค่าซื้อบุหรี่เฉลี่ยสูงมากเมื่อเทียบกับรายรับในแต่ละเดือน แนะเลิกสูบช่วยประหยัดและสุขภาพดี

138

ผลสำรวจพบนักสูบไทย ใช้เงินซื้อบุหรี่เดือนละกว่า 734 บาท  ค่าซื้อบุหรี่เฉลี่ยสูงมากเมื่อเทียบกับรายรับในแต่ละเดือน แนะเลิกสูบช่วยประหยัดและสุขภาพดี

เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2565 ผศ.ดร.ศรัณญา เบญจกุล คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ตัวเลขค่าใช้จ่ายในการซื้อบุหรี่ของผู้สูบบุหรี่ไทย ซึ่งสำรวจโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2564 พบว่า มีค่าใช้จ่ายเท่ากับ 734.7 บาทต่อเดือน ในจำนวนผู้สูบบุหรี่ที่ผลิตจากโรงงาน 5.24 ล้านคน โดยมีผู้สูบบุหรี่ 3.68 ล้านคน ที่มีรายได้ต่ำกว่า 10,895 บาทต่อเดือน และมี 2 ล้านคนที่มีรายได้เฉลี่ยต่ำกว่า 6,532 บาทต่อเดือน ค่าใช้จ่ายซื้อบุหรี่ของคนกลุ่มนี้จึงคิดเป็นสัดส่วนที่สูงมากเมื่อเทียบกับรายรับในแต่ละเดือน

ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า ขอให้ผู้สูบบุหรี่เลิกสูบ เพื่อสนับสนุนตามนโยบายของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้ประชาชนประหยัด/ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น เนื่องจากบุหรี่เป็นสินค้าฟุ่มเฟือยที่ไม่จำเป็นต่อการครองชีพ ซ้ำยังทำอันตรายต่อสุขภาพทั้งต่อตนเอง และคนรอบข้างจากควันบุหรี่ โดยเฉพาะในช่วงที่มีโรคระบาด คนสูบบุหรี่หากติดเชื้อโควิด-19 อาการจะรุนแรงกว่า เสียชีวิตมากกว่า และเป็นลองโควิดมากกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่

ศ.นพ.ประกิต กล่าวว่า การเลิกสูบบุหรี่ นอกจากทำให้สุขภาพดีขึ้น คนใกล้ชิดในบ้านไม่ต้องได้รับอันตรายจากควันบุหรี่มือสอง และเป็นแบบอย่างที่ดี ลดโอกาสที่ลูกหลานในบ้านและชุมชนที่จะติดบุหรี่ โดยค่าซื้อบุหรี่ที่ประหยัดได้เดือนละ 700 กว่าบาท ยังสามารถนำไปใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นและเป็นประโยชน์ต่อครอบครัว ยามที่เศรษฐกิจฝืดเคืองมากเช่นในปัจจุบันนี้ ซึ่งการเลิกสูบบุหรี่นั้น 9 ใน 10 คนเลิกได้ด้วยตนเอง ที่ตั้งใจจริงจังในการเลิก ผู้สูบบุหรี่ที่เลิกสูบด้วยตนเองไม่ได้ สามารถขอคำแนะนำจากคนรู้จักที่เลิกสูบบุหรี่ได้แล้ว ซึ่งมีมากกว่าสี่ล้านคน หรือขอรับการรักษาเพื่อเลิกสูบบุหรี่ตามคลินิกโรงพยาบาลต่าง ๆ รวมทั้งโทรศัพท์ปรึกษาวิธีเลิกได้ที่ 1600 สายด่วนเพื่อการเลิกสูบบุหรี่