ชาวบ้าน ต.อมก๋อย และ ต.แม่ตื่น หอบหลักฐานร้องตำรวจภาค 5 ตามล่าตัว “รุ่งนภา” สาวแสบอ้างตัวเป็นเซลล์ขายรถบริษัทใหญ่ ลงทุนเดินทางไปหาถึงบ้านสร้างความเชื่อใจ สุดท้ายเชิดเงินเหยื่อกว่า 20 ราย เสียหายร่วม 10 ล้านบาท หนีลอยนวล
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (25 เม.ย.65) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 นายคัมภีร์ สมัยอาทร นายก อบต.อมก๋อย ได้เดินทางพากลุ่มผู้เสียหายจากพื้นที่ ต.แม่ตื่น และ ต.อมก๋อย อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ จำนวนกว่า 20 ราย พร้อมหลักฐานเข้าขอความช่วยเหลือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 5 หลังจากทั้งหมดได้รับความเดือดร้อน และความเสียหาย จากการถูกหญิงสาว ที่ใช้ชื่อว่า น.ส.รุ่งนภา หรือ มิ้ม อ้างตัวเป็นพนักงานขายรถยนต์ ของบริษัทแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.จอมทอง ไปขายรถและหลอกให้ทำสัญญาเอกสารปลอม ทั้งการซื้อขาย , วางเงินมัดจำ และการผ่อนค่างวด โดยที่ทางเจ้าตัวถึงขั้นลงทุนเดินทางไปพบกับกลุ่มผู้เสียหายด้วยตัวเอง และสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้กับกลุ่มผู้เสียหาย จนกระทั่งก่อเหตุเชิดเงินไปเป็นมูลค่าความเสียหายเกือบ 10 ล้านบาท และเมื่อทางกลุ่มผู้เสียหายได้ทำการติดต่อไปยังบริษัทต้นสังกัดพบว่าหญิงสาวที่แอบอ้างเป็นพนักงานนั้น ได้พ้นสภาพการเป็นพนักงานไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือหรือแสดงความรับผิดชอบกับทางบริษัทแต่อย่างใด
โดยทาง นายคัมภีร์ สมัยอาทร นายก อบต.อมก๋อย เปิดเผยว่า น.ส.รุ่งนภา ได้บอกกับทางกลุ่มชาวบ้านและผู้เสียหายว่า เป็นพนักงานขายของบริษัท ทำให้ชาวบ้านหลายรายหลงเชื่อและทำการติดต่อซื้อขายรถหลายสิบราย จนกระทั่งชาวบ้านมาทราบภายหลังว่าถูกหลอก จากการที่ทางบริษัทไฟแนนซ์ ติดต่อทวงเงินค่างวดมาที่ตัวเอง และกลายเป็นว่า เงินที่จ่ายให้กับทาง น.ส.รุ่งนภา นั้นไม่ได้ถูกเข้าสู่ระบบการชำระเงินให้กับทางบริษัท และเมื่อได้เข้าทำการติดต่อกับทางบริษัท และสาขาที่หญิงสาวรายนี้แอบอ้างยังพบด้วยว่าใบเสร็จที่หญิงสาวออกให้กับทางชาวบ้าน และผู้เสียหายยังเป็นใบเสร็จปลอมที่ทำขึ้นเอง และทางบริษัทก็ไม่ขอแสดงความรับผิดชอบแต่อย่างใด ทางชาวบ้านและผู้เสียหายจึงได้นำหลักฐานมาแจ้งกับตน และรวมตัวกันมาขอความช่วยเหลือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรม และติดตามตัวหญิงสาวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี
ขณะที่ทางด้าน นายเลอจู พลทวิช อายุ 45 ปี ชาวบ้านพื้นที่ ม.12 ต.อมก๋อย อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ หนึ่งในผู้เสียหาย บอกว่า ได้ติดต่อจองรถกับ น.ส.รุ่งนภา โดยได้เอารถคันเก่าไปตีราคา มอบให้กับหญิงสาวไป พร้อมกันกับได้โอนเงินให้อีกด้วย โดยในตอนแรกหญิงสาวรายนี้อ้างว่าให้ตนเอารถมาให้ตรวจสอบและตีราคาก่อน ประมาณ 170,000 บาท ต่อมาหลังจากนั้นก็ขอให้ตนโอนเงินให้ โดยอ้างว่าเป็นเงินค่าดำเนินการ และให้โอนเงินให้อีก รวมเป็นเงินทั้งหมด 275,648 บาท แต่ภายหลังไม่สามารถติดต่อกับ น.ส.รุ่งนภา ได้เลย และมารู้ว่าถูกหลอกเชิดเงินไป อีกทั้งรู้อีกทีว่าเอกสารที่ น.ส.รุ่งนภา นำมาให้นั้นยังเป็นเอกสารที่ปลอมแปลงมาอีกด้วย
ส่วนทางด้าน น.ส.ดวงใจ วงศธง อายุ 37 ปี ผู้เสียหายอีกราย บอกว่า ก่อนหน้านี้ น.ส.รุ่งนภา ได้เข้ามาพบกับตน โดยอ้างตัวว่าเป็นตัวแทนพนักงานขายของบริษัท และได้มาแจ้งว่าให้ตนจ่ายค่างวด ตน และผู้เสียหายอีกหลายรายก็หลงเชื่อ และจ้ายเงินไปให้กับ น.ส.รุ่งนภา แต่ต่อมา บริษัทไฟแนนซ์ได้โทรมาแจ้งว่าทางตนยังไม่ได้จ่ายเงินค่างวด ทำให้ตนกับผู้เสียหายรายอื่นๆ เกิดความสงสัย และแจ้งไปว่าได้จ่ายผ่าน น.ส.รุ่งนภา ซึ่งบอกว่าเป็นตัวแทนพนักงานขายแล้ว แต่ทางบริษัทกลับแจ้งว่า น.ส.รุ่งนภา ได้พ้นสภาพจากการเป็นพนักงานแล้ว และไม่ขอรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ส่วนสาเหตุที่ทำให้ตนกับกลุ่มผู้เสียหายให้ความไว้เนื้อเชื่อใจหญิงคนดังกล่าวนั้น ก็เนื่องมาจาก น.ส.รุ่งนภา ได้ลงทุนเดินทางมาพบกับพวกตนเอง ซึ่งหากจะให้ตนหรือผู้เสียหายรายอื่นๆ เดินทางมาที่บริษัทนั้นก็ค่อนข้างจะลำบากและใช้เวลานาน และที่ผ่านมาส่วนใหญ่ชาวบ้านในพื้นที่ก็จะติดต่อ ซื้อ-ขาย ผ่อนรถกับทางตัวแทนเป็นส่วนใหญ่ ประกอบกับในส่วนของเอกสารต่างๆ ที่นำมาแสดงให้ทางชาวบ้านและกลุ่มผู้เสียหายดูนั้นก็ไม่รู้ว่าเป็นเอกสารที่ปลอมแปลงมา เพราะไม่รู้วิธีตรวจสอบ รวมถึงการจ่ายเงินก็ไม่ได้จ่ายผ่านระบบแอปพลิเคชันแต่อย่างใด และส่วนใหญ่ก็จะจ่ายเป็นเงินสด หรือจ่ายแบบรายปี
หลังเกิดเหตุ ทำให้ตนรวมทั้งชาวบ้านผู้เสียหายหลายรายต่างได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากเงินที่เสียไปนั้นเป็นเงินเก็บก้อนเดียวที่มีอยู่ และเป็นเงินที่หามาได้จากน้ำพักน้ำแรง จากการทำไร่ ทำสวน ขายพืชผลทางการเกษตร และพักหลังก็ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ ทำให้พืชผลการเกษตรขายไม่ได้ หนำซ้ำยังต้องมาเจ กับเหตุการณ์เช่นนี้ซึ่งเป็นการซ้ำเติมไปอีก โดยทางผู้เสียหายทั้งหมดก็ได้นำหลักฐานไปแจ้งความไว้ที่ สภ.อมก๋อย แล้ว หลังจากทราบข่าวช่วงประมาณต้นเดือนเมษายน ที่ผ่านมา ส่วนการเดินทางมาในวันนี้ก็เพื่อต้องการให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเหลืออีกทาง และอยากขอให้ทางบริษัทออกมาแสดงความรับผิดชอบ เนื่องจากผู้ก่อเหตุก็อ้างตัวเป็นพนักงานในสังกัด
อย่างไรก็ตามหลังจากกลุ่มผู้เสียหายรวมตัวกันนำหลักฐานเข้ายื่นเรื่องกับทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 5 แล้ว ทางด้านผู้บัญชาการตำรวจภูภาค 5 ได้สั่งการให้ทางตัวแทนสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 มาดำเนินการรับเรื่องกับทางกลุ่มผู้เสียหาย หลังจากนั้นจะได้มีการประสานไปยัง สภ.อมก๋อย ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงของกรณีที่เกิดขึ้น และเร่งรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินการติดตามตัว น.ส.รุ่งนภา มาทำการสอบสวน และหากพบว่าเข้าข่ายกระทำความผิดก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป