“อนุทิน” เผยหลังสงกรานต์แนวโน้มโควิดเริ่มดีขึ้น ผู้ติดเชื้อรายใหม่ผู้ป่วยอาการรุนแรงเริ่มลดลง ย้ำเร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจะผ่อนคลายได้มากขึ้น และเดินหน้าสู่โรคประจำถิ่นได้

81

“อนุทิน” เผยหลังสงกรานต์แนวโน้มโควิดเริ่มดีขึ้น ผู้ติดเชื้อรายใหม่ผู้ป่วยอาการรุนแรงเริ่มลดลง ย้ำเร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจะผ่อนคลายได้มากขึ้น และเดินหน้าสู่โรคประจำถิ่นได้

เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2565 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า หลังผ่านเทศกาลสงกรานต์มาแล้ว 10 วัน สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในประเทศไทยเริ่มลดลง การใช้เครื่องช่วยหายใจ ห้องไอซียู และยาต้านไวรัส ลดลงเช่นกัน ถือเป็นแนวโน้มที่ดี ซึ่งต้องขอบคุณความร่วมมือจากประชาชนในการปฏิบัติตนตามมาตรการและมารับวัคซีน ทั้งนี้ หากไม่มีการกลายพันธุ์ในช่วงนี้ คาดว่าจำนวนผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยอาการรุนแรง และผู้เสียชีวิตน่าจะลดลงในระยะเวลาอันใกล้ สอดคล้องกับความตั้งใจของรัฐบาลที่อยากจะให้มีการผ่อนคลายมาตรการโควิด 19 ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

นายอนุทินกล่าวว่า การปรับโรคโควิด 19 เป็นโรคประจำถิ่น มีความก้าวหน้าในการดำเนินการต่อเนื่องเห็นได้จากมาตรการต่างๆ ที่เริ่มลดลง เช่น ผู้เดินทางจากต่างประเทศ จากเดิมตรวจ RT-PCR 2 ครั้ง ลดเหลือครั้งเดียว จนถึงยกเลิกการตรวจ RT-PCR และยกเลิก Test &Go เหลือเพียงตรวจ ATK ครั้งเดียว ซึ่งจะเริ่มวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ และหลังดำเนินการไปประมาณ 1-2 สัปดาห์ หากประเมินแล้วไม่ส่งผลกระทบทำให้มีการติดเชื้อโควิดมากขึ้นก็อาจยกเลิกการตรวจ ATK และ Thailand Pass ต่อไป ส่วนการขับเคลื่อนสู่โรคประจำถิ่น คงดำเนินการพร้อมกันทั่วประเทศในมาตรฐานเดียวกันเพื่อไม่ให้เกิดความสับสน ซึ่งหากประชาชนร่วมมือกันเต็มที่ ทั้งการสวมหน้ากากอนามัย การเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้น ทั้งเข็ม 3 และเข็ม 4 เพื่อช่วยลดการป่วยหนักและเสียชีวิต ขณะที่สถานพยาบาล ยา และบุคลากรทางการแพทย์มีความพร้อม เชื่อว่าสามารถทำได้

ทั้งนี้ ได้มีการแยกข้อมูลผู้เสียชีวิตว่าเป็นการเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 หรือเสียชีวิตจากโรคอื่นและติดเชื้อโควิด 19 ร่วมด้วย ซึ่งพบว่าการเสียชีวิตจากโรคโควิดลดลง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังมีผู้สูงอายุส่วนหนึ่งที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น ซึ่งหากจะให้ประเทศไทยมีความปลอดภัยครบวงจร ก็ต้องเปลี่ยนความคิดให้เข้ามารับวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ครบถ้วน เพื่อให้สามารถผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ได้มากขึ้น และเดินหน้าเข้าสู่ภาวะโรคประจำถิ่นได้เร็วขึ้น