สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 จังหวัดเชียงใหม่ พบว่าอยู่ในช่วงขาลง แต่ยังคงรณรงค์ให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรค และเตรียมพร้อมเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่น
เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 65 นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ มอบหมายให้ นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในพื้นที่
โดยสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 จังหวัดเชียงใหม่ขณะนี้ดีขึ้น ผู้ป่วยรายใหม่ที่เข้าสู่ระบบการรักษามีแนวโน้มลดลง อัตราการพบเชื้อจากการตรวจยืนยันด้วย RT-PCR ลดลงอยู่ที่ประมาณร้อยละ 20 ส่วนผู้ติดเชื้อเข้าข่าย (ATK) ในสัปดาห์นี้ก็ลดลงอยู่ที่ร้อยละ 45.10 จากสัปดาห์ที่แล้วอยู่ที่ร้อยละ 50.56 ขณะที่อัตราการป่วยตายหากรวมการป่วยตายจากโรคร่วมจะอยู่ที่ร้อยละ 0.07 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพศชาย อายุเฉลี่ย 72 ปี มีโรคประจำตัวและยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 มาก่อน ทั้งนี้ หากคิดอัตราการป่วยตายจากโรคโควิด-19 เพียงโรคเดียว จะอยู่ที่ร้อยละ 0.05 ซึ่งจากข้อมูลของสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 เชียงใหม่ พบว่าผู้เสียชีวิต 173 ราย ของจังหวัดเชียงใหม่นั้น มีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 (Date From Covid) จำนวน 80 ราย ส่วนอีก 93 ราย เป็นการเสียชีวิตจากโรคอื่นที่ตรวจพบเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น (Date With Covid)
ด้านปัจจัยการติดเชื้อ พบว่าสาเหตุหลักยังคงเป็นการติดเชื้อในครอบครัว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พบว่าการติดเชื้อในกลุ่มอายุ 15-25 ปี มีอัตราที่ลดลง จึงจะทำให้เกิดการแพร่กระจายของโรคโควิด-19 สู่ครอบครัวลดลงตามไปด้วย ขณะที่นายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า การที่สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ของจังหวัดเชียงใหม่ อยู่ในช่วงขาลง แสดงว่าประชาชนส่วนใหญ่มีภูมิต้านทานโรคแล้ว ทั้งภูมิต้านทานจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 และภูมิต้านทานจากการติดเชื้อด้วยตนเอง ทั้งนี้ ยังคงต้องเฝ้าระวังในช่วงการเปิดภาคเรียน ที่อาจจะมียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีกครั้ง แต่คาดว่าจะอยู่ภายใต้การควบคุมและจะไม่มีผู้ป่วยที่มีอาการหนัก เนื่องจากเด็กนักเรียนและผู้ปกครองส่วนใหญ่ได้รับการฉีดวัคซีนไปจำนวนมากแล้ว
ในการนี้ นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้เน้นย้ำว่า การได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพียง 2 เข็มนั้น ไม่เพียงพอต่อการป้องกันการติดเชื้อหรือป้องกันการป่วยรุนแรง เสียชีวิต เนื่องจากมีข้อมูลว่ามีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 แม้ว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 จำนวน 2 เข็มแล้วก็ตาม จึงขอเน้นย้ำไปยังนายอำเภอทุกแห่ง ให้เร่งประชาสัมพันธ์ดำเนินการให้ประชาชนในพื้นที่เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มที่ 3 โดยเฉพาะกลุ่ม 607 ที่จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรค และเตรียมความพร้อมเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่น (Endemic) ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 ตามเป้าหมายของ ศบค.
ข่าว-ภาพ : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่