ด่วน! ตำรวจไซเบอร์ภาค 5 บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลางเมืองเชียงใหม่ รวบนายทุนจีนพร้อมพนักงานวัยรุ่นไทยเกือบ 20 คน เช่าบ้านในโครงการหรู ลวงเหยื่อสมัครงานเพื่อแอดไลน์ ก่อนนำข้อมูลเหยื่อไปขายให้กับขบวนการในกัมพูชาต่อ
เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ (11 พ.ค.65) พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อม พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เข้าตรวจสอบอาคารหรู ย่านซอยศรีลานนา ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง เชียงใหม่ หลังจากเจ้าหน้าที่ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตำรวจภูธรภาค 5 (PCT) นำกำลังเข้าจับกุมแก๊งคอลเซนเตอร์ ซึ่งมาเช่าพื้นที่ห้องโถงจำนวน 4-5 ห้อง และห้องนอนพนักงานอีกหลายห้อง เพื่อทำเป็นสำนักงานคอลเซนเตอร์หลอกลวงประชาชน โดยสามารถจับกุม นายเหว่ย ซีซวง สัญชาติจีน อายุ 29 ปี ทำหน้าที่หัวหน้าแก๊ง และวัยรุ่นชายหญิงคนไทย 17 คน ขณะกำลังนั่งหน้าคอมพิวเตอร์และใช้โทรศัพท์มือถือโทรหลอกเหยื่อ โดยสามารถยึดของกลางเป็นโพยสคริปท์ที่เขียนด้วยมือ และเลขโทรศัพท์ของเหยื่อที่บันทึกไว้จำนวนหลายเล่ม โทรศัพท์มือถือ 30-40 เครื่อง และ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 20 เครื่อง โดยควบคุมตัวไว้ก่อนที่จะสอบสวนที่เกิดเหตุ และจับกุมตัวดำเนินคดีในข้อหาอั้งยี่ซ่องโจร และเป็นการหลอกลวงให้ได้ไป ซึ่งทรัพย์สินของผู้ถูกหลอกลวง และมีพฤติการณ์ในการหลอกลวงประชาชน ซึ่งมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, มาตรา 343 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังเป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (1) มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
จากการสอบถามวัยรุ่นที่มาทำงานเป็นพนักงานคอลเซนเตอร์บอกว่า ส่วนใหญ่เป็นคนพื้นที่สูงจากจังหวัดเชียงราย จะเข้ามาทำงานตามเพื่อนที่อยู่มาก่อน โดยมีเงินเดือนกว่า 20,000 บาท เป็นสิ่งจูงใจเข้ามาทำงาน เมื่อเข้ามาทำงานแล้วก็จะมีรุ่นพี่สอนให้คุยตามสคริปท์ วันหนึ่งมือใหม่จะโทรได้ประมาณ 30-50 สาย ส่วนมือเก่าบางรายทำได้กว่า 100 สาย นอกจากเงินเดือนสูงแล้ว ยังจะได้คอมมิชชั่นจากการโทรเมื่อหลอกสำเร็จอีกสายละ 10 บาท และมีข้าวปลาอาหารเลี้ยงฟรีทุกมื้อ และพักอยู่ในอาคารหรูอยู่สบายใกล้ที่ทำงานด้วย
สำหรับพฤติกรรมคอลเซนเตอร์แก๊งนี้ จะทำการกลุ่มขบวนการนี้ จะไปหาเบอร์โทรที่ได้จากเว็บไซต์จัดหางานต่างๆ จากนั้นก็จะมีทีมโทรไปหาเหยื่อเพื่อหลอกขอข้อมูลไลน์ โดยมีการโทรไปพูดคุยกับเหยื่อสอบถามชื่อและชักชวนให้สมัครงาน โดยอ้างว่าเป็นงานเกี่ยวกับการขายเครื่องจักร หรือการรับกดไลก์ในแอปพลิเคชัน TIKTOK รวมทั้งขายการขายสินค้าออนไลน์ ตามแต่ละกลุ่มที่ได้รับมอบหน้าที่ไป จากนั้นก็จะขอชื่อกับข้อมูลไลน์ และให้เหยื่อทำการแอดไลน์เข้ามายังกลุ่ม เมื่อได้ข้อมูลไลน์ของเหยื่อแล้ว ก็จะมีการส่งข้อมูลไปยังประเทศกัมพูชา เพื่อเข้าสู่กระบวนการหลอกลวงเหยื่อในขั้นตอนต่อไป โดยคาดว่าจะมีกลุ่มขบวนการที่อยู่เบื้องหลังอีก เพราะยังมีกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นชาวจีนอีกประมาณ 4-5 คน ที่ขณะนี้ยังหลบหนี ที่อาจเป็นตัวการหรือมีเบื้องหลัง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะต้องสืบสวนขยายผลต่อไป
ทั้งนี้ทางด้าน พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เบื้องต้นจากการตรวจสอบทราบว่า กลุ่มขบวนการที่ถูกจับกุมได้ในวันนี้มีนายเหว่ย เป็นตัวการในการจ่ายเงินค่าจ้างให้กับพนักงานทั้งหมด โดยพนักงานกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนไทยที่ราบสูง ที่มาจากจังหวัดเชียงราย และจังหวัดใกล้เคียง โดยมีหารชักชวนกันมา โดยมาเช่าพื้นที่ในการกระทำการดังกล่าวในสถานที่แห่งนี้ได้ระยะหนึ่งแล้ว ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่จะได้มีการเช็กช่องทางการเงินของนายอาเหว่ย และข้อมูลเชื่อมโยงต่างๆ ของขบวนการ
อย่างไรก็ตาม อยากฝากเตือนไปยังประชาชนในการให้ข้อมูลต่างๆ กับบุคคลที่ติดต่อมาทางโทรศัพท์ โดยให้ใช้วิจารณญาณให้มากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ได้มีการแจ้งประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนทราบมาอย่างต่อเนื่อง เกี่ยวกับพฤติกรรม และลักษณะการหลอกลวงของกลุ่มขบวนการแก๊งคอลเซนเตอร์เหล่านี้ ที่ในขณะนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปเรื่อยๆ ทั้งแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จัดส่งพัสดุ เจ้าหน้าที่ไฟฟ้า รวมทั้งแอบอ้างหลากหลายแบบ เพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อและลวงข้อมูล ดังนั้นประชาชนจึงต้องระมัดระวังหรือหากมีข้อสงสัยก็สามารถประสานมายังศูนย์ PCT เพื่อสอบถามข้อมูล เพราะจะมีการเก็บรวบรวมข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ที่ต้องสงสัยที่มิจฉาชีพใช้โทรมาหลอกลวงได้