ชุดสืบสวน ภ.จว.เชียงใหม่ บุกทลายเครือข่ายโรแมนซ์สแกม แก๊งแสร้งรักออนไลน์รายใหญ่ระดับประเทศ จับผู้ต้องหา 24 คน เปิดรีสอร์ตหรูใน อ.ฝาง นั่งทำงานหน้าคอมฯ ลวงเหยื่อลงทุน
เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (19 พ.ค.65) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จตช.ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมือง โดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปชก.ตร) พร้อมด้วย พล.ต.ต.พิเชษฐ จิระนันตสิน รอง ผบช.ภ.5 , พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ภ.จว.เชียงใหม่ และ เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเชียงใหม่ ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหากลุ่มแก๊งคอลเซนเตอร์ชาวจีน (HYBRID SCAM) 24 คน เป็นชาย 22 คน และหญิง 2 คน โดยทั้งหมดนี้ เป็นคนสัญชาติจีน 20 คน และเป็นคนท้องถิ่นในพื้นที่ 4 คน พร้อมด้วยของกลางเป็นคอมพิวเตอร์กับโน้ตบุ๊ก จำนวน 10 เครื่อง , หน้าจอคอมพิวเตอร์ จำนวน 20 เครื่อง , ซีพียูคอมพิวเตอร์ จำนวน 10 เครื่อง , โทรศัพท์มือถือพร้อมซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือพร้อมใช้งาน จำนวน 244 เครื่อง , ซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ จำนวน 6 อัน และ แฟรชไดรฟ์ จำนวน 2 อัน ขณะทั้งหมดกบดานภายในรีสอร์ตหรูในพื้นที่ ต.แม่สูน อ.ฝาง จว.เชียงใหม่
โดยจากการสอบสวนเบื้องต้นถึงพฤติการณ์ก่อเหตุของกลุ่มขบวนการดังกล่าว ทราบว่า ทั้งหมดจะทำงานผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ และ โทรศัพท์มือถือ โดยใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่มีการสร้างบัญชีผู้ใช้ปลอมใน แอปพลิเคชันหาคู่ต่างๆ และแอปพลิเคชันไลน์ เป็นชื่อที่สมมติขึ้นมาเองและใช้ภาพโปรไฟล์หญิงสาวสวยที่หามาจากอินเทอร์เน็ตเพื่อดึงดูดความสนใจ และหลอกลวงเหยื่อ ทั้งคนไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น จากนั้นได้มีการสนทนาหว่านล้อม เพื่อหลอกให้เหยื่อตกหลุมรักหรือไว้วางใจ แล้วจะวางกลอุบายให้เหยื่อร่วมลงทุนโดยให้เปิดบัญชีในแอปพลิเคชัน metatrader เพื่อเข้าสู่กระบวนการหลอกเอาเงินมาลงทุน โดยมีทีมที่สร้างข้อมูลบนแพลตฟอร์มที่สร้างปลอมขึ้นมา เพื่อหลอกให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่ามีการเทรดเงินได้จริง เมื่อผู้เสียหายหลงโอนเงินลงทุน ก็ตัดขาดการติดต่อ สูญเงินฟรี
ทั้งนี้ทางด้าน พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จตช.ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์ ศปชก.ตร เปิดเผยว่า กลุ่มขบวนการคอลเซนเตอร์ชาวจีน กลุ่มนี้ใช้วิธีการเข้ามาอาศัยในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ แล้วก่อเหตุหลอกลวงประชาชนในลักษณะ Romance Scam ผ่านเทคโนโลยี ซึ่งแต่ละคนจะมีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือคนละประมาณ 4-5 เครื่อง และจากการตรวจสอบพบว่ากลุ่มขบวนการดังกล่าวจะมีเป้าหมายเป็นชาวต่างชาติญี่ปุ่น รวมถึงชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทย โดยจะใช้ภาพโปรไฟล์เป็นหญิงสาวหน้าตาดี เข้าไปพูดคุยทักทายทำความรู้จัก แล้วตีสนิทจนให้เกิดความไว้ใจ แล้วหลังจากนั้นจะให้เหยื่อโอนเงินเข้ามาบัญชี โดยอ้างว่าสามารถลงทุนได้ โดยกลุ่มขบวนการเหล่านี้สร้างความเสียหายให้กับประเทศทั้งภายในประเทศไทยและต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของรายละเอียดข้อเท็จจริง และข้อมูลเชิงลึกนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้มีการสอบสวนขยายผลถึงกลุ่มผู้อยู่เบื้องหลัง และกลุ่มขบวนการเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงได้มอบหมายให้ทางตำรวจตรวจคนเข้าเมืองภาค 5 ได้ดำเนินการขยายผลว่ากลุ่มคนต่างชาติเหล่านี้เดินทางเข้ามาในประเทศได้อย่างไร และมีขบวนการที่อยู่เบื้องหลังอีกหรือไม่ หลังจากนั้นจะได้ดำเนินการปราบปรามถอนรากถอนโคนให้หมดสิ้น
พล.ต.อ.วิสนุ ยังได้เปิดเผยอีกว่า ในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะ จว.เชียงใหม่ เชียงราย เป็นพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการแฝงตัวของคนร้ายข้ามชาติ เนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งในช่วงเดือน มิ.ย. นี้ จะจัดเสวนาเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการด้าน คนร้ายข้ามชาติในพื้นที่ ภ.5 และ เจ้าหน้าที่ ศปชก.ตร.ส่วนกลาง เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าว และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับแนวโน้มการเคลื่อนไหวของอาชญากรรมข้ามชาติในพื้นที่ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการป้องกันปราบปรามทันรองรับการเปิดประเทศของรัฐบาลต่อไป
ขณะที่ทางด้าน พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนทางหนึ่งในกลุ่มผู้ต้องหาของขบวนการดังกล่าวซึ่งเป็นชาวต่าาชาติจีน ทราบว่า ได้เข้ามาอาศัยในพื้นที่ได้ประมาณ 2-3 เดือน และได้ค่าตอบแทนจากการทำงานดังกล่าวจำนวน 25,000 – 35,000 บาท ต่อเดือน และได้มีการเช่าเหมาพักอาศัยในรีสอร์ตที่เกิดเหตุ โดยจะมารวมตัวกันทำงานที่อาคารออฟฟิศด้านหลังที่พักดังกล่าว ตั้งแต่เวลา 09.00-21.00 น. ในวันจันทร์-ศุกร์ และ เวลา 12.00 – 17.00 น. ในวันเสาร์-อาทิตย์
ทั้งนี้ในเบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า “สมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปเป็นซ่องโจรเพื่อร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” และแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในส่วนผู้ต้องหาชาวจีนว่า “เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือการอนุญาตสิ้นสุด”