ชุดสืบสวน ภ.จว.เชียงใหม่ บุกทลายเครือข่ายโรแมนซ์สแกม แก๊งแสร้งรักออนไลน์รายใหญ่ระดับประเทศ จับผู้ต้องหา 24 คน เปิดรีสอร์ตหรูใน อ.ฝาง นั่งทำงานหน้าคอมฯ ลวงเหยื่อลงทุน

4364

ชุดสืบสวน .จว.เชียงใหม่ บุกทลายเครือข่ายโรแมนซ์สแกม แก๊งแสร้งรักออนไลน์รายใหญ่ระดับประเทศ จับผู้ต้องหา 24 คน เปิดรีสอร์ตหรูใน อ.ฝาง นั่งทำงานหน้าคอมฯ ลวงเหยื่อลงทุน

เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (19 พ.ค.65) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จตช.ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมือง โดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปชก.ตร) พร้อมด้วย พล...พิเชษฐ จิระนันตสิน รอง ผบช..5 , พล...ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย บก..จว.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน .จว.เชียงใหม่ และ เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเชียงใหม่ ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหากลุ่มแก๊งคอเซนเตอร์ชาวจีน (HYBRID SCAM) 24 คน เป็นชาย 22 คน และหญิง 2 คน โดยทั้งหมดนี้ เป็นคนสัญชาติจีน 20 คน และเป็นคนท้องถิ่นในพื้นที่ 4 คน พร้อมด้วยของกลางเป็นคอมพิวเตอร์กับโน้ตบุ๊ก จำนวน 10 เครื่อง , หน้าจอคอมพิวเตอร์ จำนวน 20 เครื่อง , ซีพียูคอมพิวเตอร์ จำนวน 10 เครื่อง , โทรศัพท์มือถือพร้อมซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือพร้อมใช้งาน จำนวน 244 เครื่อง , ซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ จำนวน 6 อัน และ แฟรชไดรฟ์ จำนวน 2 อัน ขณะทั้งหมดกบดานภายในรีสอร์ตหรูในพื้นที่ .แม่สูน อ.ฝาง จว.เชียงใหม่

S__17178702.jpg

โดยจากการสอบสวนเบื้องต้นถึงพฤติการณ์ก่อเหตุของกลุ่มขบวนการดังกล่าว ทราบว่า ทั้งหมดจะทำงานผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ และ โทรศัพท์มือถือ โดยใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่มีการสร้างบัญชีผู้ใช้ปลอมใน แอปพลิเคชันหาคู่ต่างๆ และแอปพลิเคชันไลน์ เป็นชื่อที่สมมติขึ้นมาเองและใช้ภาพโปรไฟล์หญิงสาวสวยที่หามาจากอินเทอร์เน็ตเพื่อดึงดูดความสนใจ และหลอกลวงเหยื่อ ทั้งคนไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น จากนั้นได้มีการสนทนาหว่านล้อม เพื่อหลอกให้เหยื่อตกหลุมรักหรือไว้วางใจ แล้วจะวางกลอุบายให้เหยื่อร่วมลงทุนโดยให้เปิดบัญชีในแอปพลิเคชัน metatrader เพื่อเข้าสู่กระบวนการหลอกเอาเงินมาลงทุน โดยมีทีมที่สร้างข้อมูลบนแพลตฟอร์มที่สร้างปลอมขึ้นมา เพื่อหลอกให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่ามีการเทรดเงินได้จริง เมื่อผู้เสียหายหลงโอนเงินลงทุน ก็ตัดขาดการติดต่อ สูญเงินฟรี

S__17178704.jpg

ทั้งนี้ทางด้าน พล...วินุ ปราสาททองโอสถ จตช.ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์ ศปชก.ตร เปิดเผยว่า กลุ่มขบวนการคอเซนเตอร์ชาวจีน กลุ่มนี้ใช้วิธีการเข้ามาอาศัยในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ แล้วก่อเหตุหลอกลวงประชาชนในลักษณะ Romance Scam ผ่านเทคโนโลยี ซึ่งแต่ละคนจะมีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือคนละประมาณ 4-5 เครื่อง และจากการตรวจสอบพบว่ากลุ่มขบวนการดังกล่าวจะมีเป้าหมายเป็นชาวต่างชาติญี่ปุ่น รวมถึงชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทย โดยจะใช้ภาพโปรไฟล์เป็นหญิงสาวหน้าตาดี เข้าไปพูดคุยทักทายทำความรู้จัก แล้วตีสนิทจนให้เกิดความไว้ใจ แล้วหลังจากนั้นจะให้เหยื่อโอนเงินเข้ามาบัญชี โดยอ้างว่าสามารถลงทุนได้ โดยกลุ่มขบวนการเหล่านี้สร้างความเสียหายให้กับประเทศทั้งภายในประเทศไทยและต่างประเทศ

S__17178705.jpg

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของรายละเอียดข้อเท็จจริง และข้อมูลเชิงลึกนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้มีการสอบสวนขยายผลถึงกลุ่มผู้อยู่เบื้องหลัง และกลุ่มขบวนการเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงได้มอบหมายให้ทางตำรวจตรวจคนเข้าเมืองภาค 5 ได้ดำเนินการขยายผลว่ากลุ่มคนต่างชาติเหล่านี้เดินทางเข้ามาในประเทศได้อย่างไร และมีขบวนการที่อยู่เบื้องหลังอีกหรือไม่ หลังจากนั้นจะได้ดำเนินการปราบปรามถอนรากถอนโคนให้หมดสิ้น

S__17178708.jpg

พล.ต.อ.วิสนุ ยังได้เปิดเผยอีกว่า ในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะ จว.เชียงใหม่ เชียงราย เป็นพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการแฝงตัวของคนร้ายข้ามชาติ เนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งในช่วงเดือน มิ.ย. นี้ จะจัดเสวนาเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการด้าน คนร้ายข้ามชาติในพื้นที่ ภ.5 และ เจ้าหน้าที่ ศปชก.ตร.ส่วนกลาง เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าว และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับแนวโน้มการเคลื่อนไหวของอาชญากรรมข้ามชาติในพื้นที่ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการป้องกันปราบปรามทันรองรับการเปิดประเทศของรัฐบาลต่อไป

S__17178709.jpg

ขณะที่ทางด้าน พล...ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย บก..จว.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนทางหนึ่งในกลุ่มผู้ต้องหาของขบวนการดังกล่าวซึ่งเป็นชาวต่าาชาติจีน ทราบว่า ได้เข้ามาอาศัยในพื้นที่ได้ประมาณ 2-3 เดือน และได้ค่าตอบแทนจากการทำงานดังกล่าวจำนวน 25,000 – 35,000 บาท ต่อเดือน และได้มีการเช่าเหมาพักอาศัยในรีสอร์ตที่เกิดเหตุ โดยจะมารวมตัวกันทำงานที่อาคารออฟฟิศด้านหลังที่พักดังกล่าว ตั้งแต่เวลา 09.00-21.00 น. ในวันจันทร์-ศุกร์ และ เวลา 12.00 – 17.00 น. ในวันเสาร์-อาทิตย์

ทั้งนี้ในเบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า “สมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปเป็นซ่องโจรเพื่อร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” และแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในส่วนผู้ต้องหาชาวจีนว่า “เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือการอนุญาตสิ้นสุด”

S__17178706.jpgS__17178707.jpgS__17178710.jpgS__17178711.jpgS__17178712.jpgS__17178713.jpg