ผู้เสียหายคดีอู่มหาภัยเชียงใหม่ หอบหลักฐานร้องสื่อ ผ่านมาปีกว่าคดีไม่คืบ ขอเจ้าหน้าที่ตามตัวผู้ต้องหาพบมีหมายจับแต่ยังลอยนวล เผยมีผู้เสียหายเพิ่มต่อเนื่อง เตือน ปชช.อย่างหลงเชื่อ หวั่นได้ใจไปตระเวนก่อเหตุ
วันที่ 23 พ.ค.65 กลุ่มผู้เสียหายประกอบด้วย นายกริชเพชร อายุ 25 ปี พร้อมด้วย นายประสิทธิเวช อายุ 39 ปี และ น.ส.สุนิสา อายุ 38 ปี ได้นำหลักฐานเดินทางทางเข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชน เพื่อขอให้ช่วยนำเสนอข้อมูล และขอให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องช่วยติดตามตัว นายธีรพงษ์ อายุ 27 ปี เจ้าของอู่ซ่อมรถแห่งหนึ่งในอำเภอเมืองเชียงใหม่ ที่เคยก่อเหตุฉ้อโกงหลอกลวงหลายรูปแบบ และเคยถูกกลุ่มผู้เสียหายจำนวนหลายสิบรายออกมาแฉพฤติกรรมที่มีทั้งนำรถไปซ่อมแล้วถูกถอดอะไหล่ชิ้นส่วนออกไป บางรายไม่ได้รถคืน ส่วนบางคนถูกหลอกขายรถให้แต่สุดท้ายไม่ได้รถ เมื่อตามทวงถามกลับถูกบ่ายเบี่ยงผู้เสียหายบางคนเข้าแจ้งความดำเนินคดี เจ้าของอู่ซ่อมรถก็จะเจรจาไกล่เกลี่ย สุดท้ายไม่ได้เงิน กระทั่งขณะนี้ผ่านมาปีกว่า แต่คดีไม่คืบหน้าแต่อย่างใด รวมทั้งทางผู้ต้องหาก็ยังลอยนวลตระเวนก่อเหตุมีผู้เสียหายรายใหม่ๆ เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ นายธีรพงษ์ ยังเป็นผู้ต้องหาเคยถูกทางเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ สภ.แม่ปิง จ.เชียงใหม่ จับกุมตัวดำเนินคดีเมื่อวันที่ 11 มี.ค. 64 แต่หลังจากนั้นได้ประกันตัวออกมา และไม่เข็ดหลาบยังคงตระเวนก่อเหตุซ้ำ อีกทั้งหลบหนีการขึ้นศาล ทำให้ผู้เสียหายรายเดิมๆ ไม่ได้รับการชดใช้ค่าเสียหาย และยังมีผู้เสียหายรายใหม่ปรากฏเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ทั้งนี้ทางด้าน นายประสิทธิเวช เปิดเผยว่า สาเหตุที่นำหลักฐานเข้ามาร้องเรียนในวันนี้สืบเนื่องจากที่ผ่านมาไม่มีความคืบหน้าของคดีแต่อย่างใด แต่กลับมีผู้เสียหายเพิ่มขึ้น เพราะมีหลายคนพยายามติดตามหาตัว นายธีรพงษ์ หรือชื่อเล่น สิงโต ทั้งที่ไปตามหาที่บ้าน และพบว่ามีผู้เสียหายรายใหม่ 2-3 ราย ในเดือนก่อน ที่ถูกหลอกซื้อขายล้อแม็กรถยนต์ แต่ก็หายไปเลยและต้องตามมาหาตัวที่บ้าน ซึ่งปัจจุบันบ้านที่เคยเปิดเป็นอู่รถก็ไม่เปิดแล้ว โดยคาดว่า นายธีรพงษ์ น่าจะหลบหนีแต่ก็ไปตระเวนก่อเหตุที่อื่นอยู่ และคาดว่าน่าจะมีกลุ่มขบวนการที่ช่วยกันก่อเหตุทั้งในพื้นที่อื่น และในโซเชียล ส่วนในจังหวัดเชียงใหม่ เท่าที่ตรวจสอบเมื่อช่วงปีก่อนมีผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อของ นายธีรพงษ์ ประมาณ 200 กว่าราย แต่ไม่แน่คาดว่าในตอนนี้น่าจะมีเพิ่มขึ้นมาอีก และคาดว่ารวมกันไม่ต่ำกว่า 300 ราย
โดยตนอยากฝากเตือนภัยกับสังคม ถึงผู้ชายคนนี้ ที่ถือเป็นภัยสังคม และไม่อยากให้หลงเชื่อเพียงเพราะรูปร่างหน้าตา รวมถึงยังใช้ความรู้ที่มีในการไปตระเวนฉ้อโกงคนอื่น สร้างความเดือดร้อนให้กับสังคม นอกจากนี้ตนอยากฝากถึงเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องให้ช่วยดำเนินการติดตามเร่งรัดคดี และจับกุมตัวชายคนนี้ ถึงแม้จะมองว่าการก่อเหตุเป็นคดีเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็มีผู้เสียหายหลานๆ รายรวมกัน และมีความเสียหายค่อนข้างมาก และแม้ว่าจะมีการออกหมายจับ 2-3 คดี แต่ก็ยังไม่ถูกจับกุมตีตัว จึงอยากขอให้ทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการกับผู้ต้องหารายนี้อย่างจริงจังด้วย
ขณะที่ทางด้าน นายกริชเพชร หนึ่งในผู้เสียหาย บอกว่า ตนเป็นผู้เสียหายที่ถูก นายธีรพงษ์ หลอกเสียหายไปประมาณ 35,000 บาท แต่ที่ผ่านมาก็ไม่สามารถติตต่อกับ นายธีรพงษ์ ได้เลย ซึ่งตนก็อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ช่วยเร่งติดตามตัวชายคนนี้ให้ได้โดยเร็ว และตนเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจน่าจะรู้จักและมีเบาะแสของชายคนนี้ เพราะเป็นคนที่ก่อเหตุมาหลายครั้ง และผ่านมากว่า 2 ปีแล้ว แต่ชายคนนี้ก็ยังลอยนวลและไปก่อเหตุหลอกลวงคนอื่นอยู่
ส่วนทางด้าน น.ส.สุนิสา ผู้เสียหายอีกราย บอกว่า ตนเป็นผู้เสียหายที่ได้นำรถยนต์กระบะไปซ่อมที่อู่ของ นายธีรพงษ์ แต่กลับถูกหลอกนำรถไปขาย และหลังจากที่ นายธีรพงษ์ ถูกจับกุม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามนำรถยนต์ของกลางกลับคืนมาได้ แต่ก็พบว่ารถยนต์ที่ยำกลับมาได้นั้นสภาพก็ไม่ได้ดีเหมือนเดิม และหลังจากนั้น นายธีรพงษ์ ก็ไม่ได้มารับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด รวมทั้งตนก็ไม่สามารถติดตามตัวได้ นอกจากนี้ยังถูกหลอกเสียเงินไปอีกประมาณ 4,000 กว่าบาท แต่เมื่อติดตามคดีกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีของ นายธีรพงษ์ แต่อย่างใด ซึ่งตนอยากขอให้ทางเจ้าหน้าที่ได้ช่วยรีบเร่งดำเนินการจับกุมตัวผู้ชายคนนี้ให้ได้ เพราะตนก็เดือดร้อน อีกทั้งยังพบว่ามีผู้เสียหายเพิ่มขึ้น ซึ่งเกรงจะเป็นภัยต่อสังคม