เล็งขยายเพดานตรึง “ดีเซล” จากลิตรละ 35 เป็น 38 บาท หลังกองทุนน้ำมันติดลบหนัก
เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 65 นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ได้พิจารณาทบทวนราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลประจำสัปดาห์ โดยมีมติให้ปรับราคาดีเซลขึ้น 1 บาทต่อลิตร อยู่ที่ 34.94 บาทต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย. 65 เป็นต้นไป โดยกองทุนอุดหนุนอยู่ที่ 9.96 บาทต่อลิตร จากราคาจริงอยู่ที่ประมาณ 45 บาทต่อลิตร เนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันตลาดโลกค่อนข้างผันผวนมาก
ส่วนกลุ่มน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ กบน.ได้ปรับลดการนำส่งเงินเข้ากองทุนลงไปก่อนหน้านี้ 0.93 บาทต่อลิตร จากเดิมจัดเก็บ 1.02 บาทต่อลิตร เหลือส่งเงินเข้ากองทุน 0.09 บาทต่อลิตร, E20 ปรับลดการจัดเก็บลงอีก 0.94 บาทต่อลิตร จากเดิมจัดเก็บ 0.12 บาทต่อลิตร ทำให้กองทุนต้องชดเชยเงินให้กับ E20 ที่ 0.82 บาทต่อลิตร เพื่อทำให้ราคาขายปลีกเบนซินลดลง ซึ่งจะดำเนินการอย่างไรในระยะต่อไป ต้องหารือกันอีกครั้ง
ปัจจุบันประมาณฐานะกองทุน ณ วันที่ 12 มิ.ย.65 ติดลบ 91,089 ล้านบาท เป็นบัญชีน้ำมัน 54,574 ล้านบาท บัญชีก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ติดลบ 36,515 ล้านบาท ส่วนจะสามารถดูแลราคาพลังงานไปจนถึงสิ้นปีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการเงินกู้และเงินอุดหนุนจากรัฐบาลมาตรา 6(2) ของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2562
“การปรับราคาดีเซลขึ้น ช่วยลดภาระการอุดหนุนได้ 60 กว่าล้านลิตรต่อวัน คิดเป็นเงิน 663 กว่าล้านบาทต่อวัน หรือประมาณ 19,900 ล้านบาทต่อเดือน เมื่อรวมกับการลดอุดหนุนดีเซลพรีเมียมส่วนหนึ่ง ก็ทำให้มีเงินเติมเข้ามาในกองทุนบ้าง”
ขณะที่นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สกนช. ยอมรับว่า เบื้องต้นมีความเป็นไปได้ที่ กบน. อาจจะต้องปรับเพดานการตรึงราคาดีเซลเป็น 38 บาทต่อลิตร จากปัจจุบันกำหนดไว้ไม่เกิน 35 บาทต่อลิตร ซึ่งอาจยืนได้ถึงสิ้นเดือน มิ.ย.นี้ ตามมติคณะรัฐมนตรี แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อประกอบการทบทวนราคาแต่ละสัปดาห์ รวมถึงสภาพคล่องของกองทุนและความคืบหน้าเรื่องเงินกู้จากสถาบันการเงินว่าจะมีเงินเข้าเติมในระบบได้เร็วแค่ไหน