นายกรัฐมนตรีห่วงใยหลังมีรายงานมิจฉาชีพยังระบาดเปลี่ยนรูปแบบกลลวง ย้ำหน่วยงานเกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรู้เท่าทันต่อเนื่อง เร่งกวาดล้างเครือข่ายการกระทำผิดทั้งในและต่างประเทศ
วันที่ 30 มิ.ย. 65 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้รับรายงานว่าขณะนี้มิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังคงระบาด โดยเปลี่ยนรูปแบบเนื้อหาการหลอกลวงไปจากเดิม ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยและได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรู้เท่าทันกลลวงของมิจฉาชีพที่เปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับเร่งกวาดล้างจับกุมผู้ทำผิดมาลงโทษทั้งเครือข่ายขบวนการในประเทศและต่างประเทศ
“ตามรายงานระบุว่ารูปแบบและเนื้อหาที่มิจฉาชีพใช้หลอกลวงประชาชนจะเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ โดยนายกรัฐมนตรีขอให้หน่วยงานต่างๆ มีการประชาสัมพันธ์เตือนประชาชนเพื่อให้รู้เท่าทันป้องกันตัวเองได้ในเบื้องต้น เพราะขบวนการเหล่านี้ไม่หายไปเพียงแต่จะหยุดในช่วงมีการกวาดล้าง แล้วรอกลับมาทำผิดใหม่ด้วยเนื้อหาการหลอกลวงใหม่”น.ส.ไตรศุลี กล่าว
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า เนื้อหาที่กลุ่มมิจฉาชีพใช้หลอกลวงประชาชนที่เปลี่ยนไปตามประเด็นทางสังคมนั้น ล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.) ได้รายงานถึงกรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรไปหลอกลวงว่าเป็นเจ้าหน้าที่ คปภ. และหลอกให้โอนเงินเพื่อจะช่วยในกระบวนการช่วยเคลมประกันภัยโควิด19 ซึ่ง คปภ.ได้ออกข้อมูลเตือนขอประชาชนอย่าหลงเชื่อเนื่องจากไม่มีนโยบายให้เจ้าหน้าที่โทรหาประชาชนเพื่อดำเนินการดังกล่าวแต่อย่างใด หากพบการกระทำผิดให้โทรแจ้งสายด่วน คปภ. 1186 เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
นอกจากนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ยังมีคำเตือนประชาชนให้ระมัดระวังกรณีมีบุคคลอื่นมาจ้างให้เปิดบัญชีธนาคาร ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นการจ้างให้เปิด “บัญชีม้า” เมื่อนำไปใช้ในการรับโอนเงินที่ได้จากการกระทำความผิด ห้ามไปรับเปิดบัญชีเด็ดขาดเพราะหากมีการจับกุมจะต้องรับโทษในฐานเป็นผู้ร่วมกระทำผิดในการนั้นๆ ด้วย
รวมถึงกรณีมีการจ้างให้เปิดใช้เบอร์โทรศัพท์เพื่อนำเบอร์ไปใช้ในการกระทำความผิด หรือ “ซิมม้า” เช่นนำไปผูกกับบัญชีสื่อสังคมออนไลน์แล้วนำไปใช้หลอกลวงผู้อื่นในรูปแบบต่างๆ หรือนำไปใช้ประกอบการเปิดระบบธนาคารออนไลน์ กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อรับ-โอนเงินจากอาชญากรรมรูปแบบต่างๆ หากมีการจับกุมผู้ทำผิดได้อาจต้องเป็นผู้ร่วมกระทำผิดและต้องรับโทษด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ ขอย้ำเตือนกับประชาชนว่าหากมีการโทรศัพท์มาจากเบอร์ที่ไม่คุ้นเคยมีเนื้อหาสนทนาที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยต่างๆ ทั้งการโน้มน้าวหรือข่มขู่ให้โอนเงินนั้นอย่าหลงเชื่อและโอนเงินให้โดยง่าย กรณีมีผู้มาชักชวนให้เปิดบัญชีธนาคาร หรือเปิดใช้เบอร์โทรศัพท์อย่าให้ความร่วมมือเด็ดขาด โดยหากพบเบาะแสการกระทำผิดทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการกระทำผิดทางเทคโนโลยี ให้แจ้งที่สายด่วนกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โทร 1441 หรือ ศูนย์ PCT 081-8663000 ตลอด 24 ชม. หรือแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ได้ที่ www.thaipoliceonline.com