กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจรฯ เตรียมสรุปรายงานผลการศึกษา โดยเสนอเปิดบ่อนถูกกฎหมาย 5 แห่งทั่วประเทศ จัดเก็บภาษีเข้ารัฐ 30% ห้ามเยาวชน-ข้าราชการเข้าใช้บริการ หวังให้เฉพาะนักท่องเที่ยว
เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 65 คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) การจัดเก็บรายได้และภาษีจากธุรกิจกาสิโนถูกกฎหมาย และมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาบ่อนการพนันผิดกฎหมาย การแพร่ระบาดของตู้เกมพนันไฟฟ้าและการพนันออนไลน์ สภาผู้แทนราษฎร ประชุมติดตามความคืบหน้าการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรแบบถูกกฎหมาย หลังจากที่ได้ร่วมศึกษาถึงความเป็นไปได้ที่จะแก้ไขให้ถูกกฎหมาย และแก้ไขการลักลอบเล่นการพนันที่ผิดกฎหมายผ่านมาประมาณ 1 ปีแล้ว
นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานกรรมาธิการฯ คนที่สอง เปิดเผยว่า ทางคณะกรรมาธิการฯ เตรียมสรุปรายงานผลการศึกษาส่งให้รัฐบาลพิจารณาเปิดสถานบันเทิงครบวงจรในแต่ละภาคของประเทศรวม 5 แห่ง คือ ภาคเหนือ ในจังหวัดเชียงรายหรือเชียงใหม่ / ภาคกลาง ในเมืองพัทยา ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ EEC / ภาคใต้ จังหวัดภูเก็ต พังงา และกระบี่ / ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดอุบลราชธานี อุดรธานี และขอนแก่น และในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยให้ทดลองเปิดในภาคละ 1 จังหวัด ซึ่งสถานบันเทิงครบวงจรที่จะเปิดนี้จะเปิดให้เล่นการพนันทุกรูปแบบ ทั้งการพนันพื้นบ้าน และแบบสากล รวมทั้งพนันออนไลน์
นายพิเชษฐ์ ระบุว่า การเปิดสถานบันเทิงดังกล่าว รัฐบาลจะเปิดให้มีสัมปทานจากเอกชนมาร่วมธุรกิจ โดยรัฐจะจัดเก็บภาษีร้อยละ 30 รวมทั้งภาษีบำรุงท้องที่เพื่อนำเงินไปบำรุงในพื้นที่เปิดสถานบันเทิง ส่วนการเข้าไปใช้บริการภายในสถานบันเทิงจะต้องกำหนดอายุผู้ให้เข้าต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป สำหรับบุคคลทั่วไปต้องแสดงสถานะการเงินก่อนเข้าไปใช้บริการ และห้ามไม่ให้ข้าราชการเข้าไปใช้บริการ เว้นแต่มีใบอนุญาต โดยรูปแบบเหล่านี้ทางคณะกรรมาธิการฯ ได้ศึกษารูปแบบของสถานบริการในต่างประเทศหลายแห่ง ทั้งสิงคโปร์ มาเลเซีย ก่อนปรับรูปแบบให้ตรงกับประเทศไทย โดยหากเปิดสถานบันเทิงลักษณะนี้เกิดขึ้นได้ ก็เชื่อว่าจะสามารถลดปัญหาการลักลอบเล่นการพนัน และรัฐสามารถจัดเก็บภาษีได้จำนวนมาก เพราะที่ผ่านมายังคงมีการลักลอบเล่นการพนันผิดกฎหมาย อีกทั้งรัฐต้องสูญเสียรายได้ไปจำนวนมาก รวมทั้งเชื่อว่าจะสามารถลดปัญหามาเฟียหรือผู้มีอิทธิพลที่จะคุมบ่อนการพนันผิดกฎหมายได้ อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธิการฯ ยังได้ศึกษา พ.ร.บ.การพนันฯ มาตรา 4 โดยจะเสนอให้รัฐบาลออกเป็นพระราชกฤษฎีกาในข้อกำหนดเพิ่มเติม เรื่องการอนุญาตให้เปิดสถานบริการ รวมทั้งกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ นายพิเชษฐ์ ยังระบุว่า การเสนอให้ตั้งสถานบันเทิงเต็มรูปแบบถูกกฎหมายครั้งนี้ จุดประสงค์หลักเพื่อต้องการให้บริการกับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งแต่ละปีมีจำนวนมาก โดยจะเสนอรายงานการศึกษาให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ ก่อนส่งไปยังรัฐบาลพิจารณา โดยเชื่อว่าจะสามารถพิจารณาได้ทันภายในรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา