เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 65 ดร.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม. เขต 2 ปทุมวัน บางรัก สาทร ในฐานะผู้เสนอร่างกฎหมายป้องกันการทำผิดซ้ำฯ ควบคู่กับกระทรวงยุติธรรม โพสต์เฟซบุ๊ก ดร.ส้ม พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ พรรคพลังประชารัฐ เขต 2 กทม อธิบายประเด็นนี้ว่า
ฉีดไข่ฝ่อ ต้องได้รับความยินยอมจากผู้กระทำผิด!!
มีคนถามส้มมาเยอะมากค่ะ ว่า ทำไมฉีดไข่ฝ่อ “ต้องได้รับความยินยอม” จากผู้กระทำผิดก่อน? คนทำผิดแบบนี้น่าจะตัดทิ้งไปเลยด้วยซ้ำ
อย่างแรกเลย ถ้าบังคับให้ผู้กระทำผิดฉีดฮอร์โมนลดความต้องการทางเพศ หรือที่รู้จักว่า “ฉีดไข่ฝ่อ” จะมีประเด็นเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนเข้ามาได้ จะทำให้ กม. ฉบับนี้ถูกตีตกตั้งแต่ต้น กม. ที่จะออกมาคุ้มครองความปลอดภัยของพวกเราก็จะไม่เกิดค่ะ
อีกอย่างคือ กม. นี้กำหนดให้การ “ฉีดไข่ฝ่อ” เป็นมาตรการทางการแพทย์เพื่อป้องกันสังคมไม่ให้เกิดความเสียหาย ไม่ได้ใช้เป็นบทลงโทษ จึงทำได้โดยไม่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน โดยมองว่าผู้กระทำผิดผู้นั้นเป็นคนป่วยที่ต้องการรับการรักษา จึงต้องได้รับความยินยอมจากผู้กระทำผิดก่อนค่ะ
แต่กว่าจะไปถึงจุด “ฉีดไข่ฝ่อ” ได้ ก็ไม่ใช่ง่ายๆ นะคะ ผู้เชี่ยวชาญต้องประเมินแล้วว่าจำเป็นต้องรักษาจริงๆ ค่ะ ส่วนค่าใช้จ่ายก็ไม่น้อยเลยนะคะ และ กม. นี้ ก็ไม่ได้ใช้กับทุกคน แต่ใช้เฉพาะกับผู้ที่เสี่ยงจะทำผิดซ้ำเท่านั้นค่ะ
แล้วคนที่เสี่ยงทำผิดซ้ำ แต่ไม่ “ฉีดไข่ฝ่อ” ล่ะ จะทำยังไง?
ยังมีมาตรการอื่นๆ อีกเยอะเลยค่ะ แต่ละคนก็ต่างกันไป เช่น การเฝ้าระวังโดย ห้ามเข้าใกล้ผู้เสียหาย, ให้พักอาศัยในสถานที่ที่กำหนด, ห้ามเข้าเขตกำหนด, ห้ามออกนอกประเทศ, ต้องแจ้งเมื่อเปลี่ยนที่ทำงาน, ใส่อุปกรณ์ติดตามตัว เป็นต้น หรือถ้าพิจารณาแล้วว่ามาตรการเหล่านี้เอาไม่อยู่แน่ ก็สามารถคุมขังต่อไปหลังจากพ้นโทษแล้วได้ค่ะ คนที่ฝ่าฝืนมาตรการเฝ้าระวังก็สามารถคุมขังได้ด้วยนะคะ
หรือคนที่อยู่ระหว่างเฝ้าระวัง แต่ดูแล้วจะก่อเหตุแน่ๆ และเป็นเหตุฉุกเฉิน ก็สามารถคุมขังฉุกเฉินได้เลยค่ะ จะได้คุ้มครองประชาชนได้ทันการณ์ค่ะ
เมื่อไหร่ กม. จะได้ใช้จริงซะที?
ใกล้แล้วค่ะ ตอนนี้ถือว่าเสร็จไปประมาณ 80% ได้แล้ว อีกไม่นานก็น่าจะได้ใช้จริงกันแล้วค่ะ
ส้มเองในฐานะผู้เสนอ กม. ฉบับนี้คู่กับ ยธ. และผลักดันมาโดยตลอด ก็ดีใจมากๆ ที่ทุกฝ่ายเห็นความสำคัญ และจะได้เห็น กม. นี้ออกมาเพิ่มความปลอดภัยให้สังคมของเราเร็วๆ นี้ค่ะ
