ผู้เสียหายหอบหลักฐานร้องสื่อ แฉสาวอดีตลูกค้าสัมพันธ์ รพ.เอกชนดัง หลอกขายเวาเชอร์วัคซีนโมเดอร์นา เชิดเงินหนีไปเกือบแสน ล่าสุดแจ้งตำรวจออกหมายเรียกแล้ว
วันที่ 22 ส.ค. 65 นางณฐมน อายุ 44 ปี พร้อมด้วยนางสาวศรัญญา อายุ 33 ปี นำหลักฐานสลิปโอนเงิน วอยเชอร์วัคซีนโควิด -19 และ หลักฐานการแจ้งความ เปิดโปง พฤติกรรมของอดีตพนักงานโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในเมืองเชียงใหม่ โดยระบุว่าได้ขายวอยเชอร์วัคซีนโควิด-19 ของโรงพยาบาลดังกล่าวให้ แต่สุดท้ายกลับนำเงินไปใช้เอง ทำให้เธอทั้งสองคนเสียเงินไปฟรี ๆ เกือบหนึ่งแสนบาท ล่าสุดแจ้งความตำรวจแต่ยังไม่คืบหน้า
โดยทาง นางสาวศรัญญา หนึ่งในตัวแทนผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อเดือนกันยายน 2564 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีความต้องการวัคซีนทางเลือกป้องกันโควิด-19 เป็นอย่างมาก ได้มีคนแนะนำให้รู้จักกับนางสาวจันทร์จิรา อายุ 36 ปี เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังในตัวเมืองเชียงใหม่ ที่กำลังเปิดจองวัคซีนโมเดอร์นา บอกว่าสามารถซื้อผ่านเธอได้ในราคาโดสละ 1,650 บาท ราคาเดียวกับการซื้อตรงจากโรงพยาบาล
ในช่วงเวลานั้นโควิด-19 กำลังระบาดรุนแรง ทุกคนต้องการวัคซีนทางเลือก ในวันที่ 9 กันยายน 2564 เธอจึงตกลงซื้อวอยเชอร์ให้ตัวเองและญาติพี่น้องรวม 5 คน รวม 10 โดส พร้อมโอนเงินไปให้ 16,500 บาท และได้รับวอยเชอร์ทั้งสิบใบในวันรุ่งขึ้น โดยเงื่อนไขในวอยเชอร์ระบุว่าสามารถโอนสิทธิ์ได้ และ หากไม่ทางโรงพยาบาลไม่สามารถวัคซีนให้ได้เนื่องจากวัคซีนไม่มาหรือมีไม่เพียงพอ ทางโรงพยาบาลจะคืนเงินให้เต็มจำนวนภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ขณะที่นางจันทร์จิรา บอกว่าหากจะโอนสิทธิ์ให้ใครต้องแจ้งเขาก่อน เพราะ Voucher ที่ได้เป็นเหมือนระบบเครือญาติของพนักงานและจะเป็นคนลงทะเบียนรับสิทธิ์ให้เอง ไม่ต้องไปลงทะเบียนเองเหมือนคนอื่น
ต่อมาเดือนตุลาคม 2564 ได้สอบถามเรื่องวัคซีนว่าเข้ามาเมื่อไหร่ ได้รับแจ้งว่ายังไม่มีกำหนด และหากได้เรื่องจะรีบแจ้งให้ทราบ จนถึงเดือนพฤศจิกายน 2564 ก็ได้รู้ข่าวว่าวัคซีนเข้าโรงพยาบาลแล้วจึงถามไปอีกครั้ง นางจันทร์จิรา ก็อ้างว่ายังไม่ถึงคิว จนกระทั่งปลายเดือนพฤศจิกายน 2564 ก็ติดต่อไปอีกครั้ง เพราะต้องการให้น้องชายไปฉีดวัคซีนเพื่อเดินทางไปต่างจังหวัด แต่ก็ยังไม่ได้คิวและได้รับคำตอบว่าจะหาวิธีให้ฉีดวัคซีนได้ภายในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน
นางศรัญญา บอกว่า ช่วงที่รออยู่นั้นรัฐบาลได้เปิดให้ประชาชนได้ฉีดวัคซีนฟรีตามหน่วยฉีดต่าง ๆ เธอและครอบครัวจึงไม่ต้องการรออีก จึงแจ้งไปว่าจะขอโอนสิทธิ์ เพราะจะไปรับวัคซีนของรัฐแทน แต่นางสาวจันทร์จิรา กลับขอร้องว่าไม่ให้โอนสิทธิ์ แต่จะทำเรื่องคืนเงินให้เต็มจำนวนที่ได้จ่ายไป
แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้เงินคืน ในเดือน ม.ค. 65 จึงได้ทักไปทวงถามขอเงินคืน ได้รับคำตอบว่ากำลังดำเนินเรื่องอยู่ จนถึงวันที่ 10 พ.ค. 65 ก็บอกว่าได้รับเช็คจากทางโรงพยาบาลแล้วและไปขึ้นเช็คให้ แต่รอแล้วรอเล่ายังไม่ได้เงินคืน กระทั่งวันที่ 20 มิ.ย. 65 จึงเข้าไปสอบถามที่โรงพยาบาล เมื่อนำวอยเชอร์ไปเช็กข้อมูล ปรากฏว่าไม่พบข้อมูลในระบบ เมื่อสอบถามถึงนางสาวจันทร์จิรา ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าพนักงานรายนี้ทำงานฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ และได้ลาออกไปแล้วเมื่อเดือน มี.ค. 65 ที่ผ่านมา จึงรู้ว่าถูกหลอกและได้นำหลักฐานเข้าแจ้งความที่ สภ.สันทราย เมื่อ 24 มิ.ย.65 ที่ผ่านมา
นางศรัญญา บอกอีกว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนรู้สึกเสียใจที่ถูกหลอก ไม่คิดว่าจะมาหากินบนความตื่นตระหนกของประชาชน โดยภายหลังความแตกนางสาวจันทร์จิราได้ยอมรับว่าทำผิดไปแล้วและบอกว่ากำลังหาเงินให้และอ้างว่าต้องไปทำงานบริการเพื่อหาเงินมาคืนให้ แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้คืนแม้แต่บาทเดียว ส่วนสาเหตุที่มาเปิดเผยเรื่องนี้ก็เพราะต้องการเตือนภัยไม่ให้มีคนไปถูกหลอกลวงอีก
ขณะที่ทางด้าน นางณฐมน บอกว่า เธอหลงเชื่อซื้อวัคซีนไปถึง 34 โดส รวมเป็นเงินกว่า 56,100 บาท โอนเงินไปให้สามครั้งจนครบจำนวน แต่สุดท้ายก็มาถูกหลอก ส่วนที่ซื้อจำนวนมากก็เพราะว่ามีญาติพี่น้องและเพื่อน ๆ ที่แจ้งความประสงค์ต้องการวัคซีนหลายคนจึงรวบรวมมาสั่งซื้อในคราวเดียว เรื่องนี้เธอได้แจ้งความให้ตำรวจดำเนินคดีกับหญิงคนนี้ให้ถึงที่สุด โดยล่าสุดทางตำรวจแจ้งว่าอยู่ระหว่างการออกหมายเรียก
อย่างไรก็ตาม ทางด้าน ร.ต.อ.ดวงฤทธิ์ วรรณฤทธิ์ พนักงานสอบสวน สภ.สันทราย เจ้าของคดี บอกว่า คดีนี้ได้ออกหมายเรียกให้มาพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 26 สิงหาคม นี้ แต่หากยังไม่มาก็จะออกหมายเรียกครั้งที่สองและขออนุมัติศาลออกหมายจับตามลำดับ โดยพฤติการณ์นี้ที่พบว่าไม่มีการนำข้อมูลของผู้ซื้อเข้าระบบของโรงพยาบาลถือเป็นการฉ้อโกง