โผล่เพิ่มอีก! เหยื่อเทรดคริปโตที่เชียงใหม่ ทยอยร้องดีเอสไอ ล่าสุดมีแล้วกว่า 30 ราย มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นกว่า 300 ล้าน ขณะที่พบเบาะแสแฉย่องยักย้ายทรัพย์สิน
วันที่ 25 สิงหาคม ผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงร่วมลงทุนขุดและทำกำไรกับเหรียญดิจิทัลหรือคริปโตเคอเรนซี่ ทยอยนำหลักฐานเข้าร้องเรียนเพิ่มเติมที่ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 5 กรมสอบสวนคดีพิเศษ จ.เชียงใหม่ โดยในช่วงเช้ามีผู้เสียหายเข้าร้องเรียนแล้วกว่าสิบคน ทำให้ล่าสุดมีผู้เสียหายเข้าร้องเรียนแล้วกว่า 30 คน มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 300 ล้านบาท
โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบหลักฐานต่างๆ พร้อมกับรับเรื่องและสอบปากคำเบื้องต้น ในส่วนของดีเอสไอจะเปิดแบบฟอร์มให้ร้องเรียนออนไลน์เพื่อความสะดวกของผู้เสียหาย เพราะทราบว่ากระจายอยู่ในหลายจังหวัด ซึ่งข้อมูลทั้งหมดจะถูกรวบรวมและส่งเข้าดีเอสไอส่วนกลางเพื่อให้อธิบดีพิจารณาให้อธิบดีดีเอสไอพิจารณาว่าจะสั่งเป็นคดีพิเศษหรือไม่
เจ้าหน้าที่ระบุว่าเงื่อนไขหลักที่จะพิจารณาเป็นคดีพิเศษก็คือจะต้องมีมูลค่าความเสียหาย 100 ล้านบาทขึ้นไป หรือ มีผู้เสียหายมากกว่า 300 คนขึ้นไป อย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งเรื่องนี้คาดว่าจะเข้าเงื่อนไข แต่จะต้องอยู่ที่การพิจารณาอีกครั้ง
สำหรับผู้เสียหายที่เข้าร้องเรียนที่ดีเอสไอเขตพื้นที่ 5 ได้แนะนำให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับทางตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ สอท.ซึ่งเปิดรับเรื่องทางออนไลน์ เพื่อดำเนินการคู่ขนานระหว่างที่ยังไม่เป็นคดีพิเศษเพื่อให้ตำรวจเข้ามาสอบสวนได้ทันที แต่หากภายหลังรับเป็นคดีพิเศษทางตำรวจก็จะโอนคดีมาให้กับดีเอสไอ
หนึ่งในผู้เสียหายที่เข้าร้องเรียนในวันนี้ บอกว่า ก่อนหน้านี้บริษัทดังกล่าวเปิดรับร่วมลงทุนผ่านไลน์แอด เพื่อนได้ชักชวนและเธอก็ลองร่วมลงทุนกับเพื่อน ปรากฏว่าได้ผลตอบแทนจริง ต่อมาในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาทางบริษัทเปิดเว็บไซต์และให้ลงทุนผ่านเว็บที่จะต้องสมัครค่าสมาชิกวีไอพีคนละ 19,999 บาท เป็นเมมเบอร์ เธอจึงสมัครและลงทุนด้วยตัวเองไปประมาณ 9 แสนบาท โดยลงโปรเจค 3 M หุ้นละ 30,000 บาท เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ที่ผ่านมา จำนวนกว่า 20 หุ้น โดยหนึ่งหุ้นจะได้เงินปันผล 14,000 เป็นเงินทุนคืน 10,000 บาท และ เงินปันผล 4,000 บาท หลังจากลงทุนไปได้คืนมาแค่ครั้งเดียว เมื่อหักทุนที่ลงไปแล้ว ตอนนี้ยังเหลือเงินเงินทุนค้าอยู่กับบริษัทอีก 588,000 บาท ที่ผ่านมาพยายามติดต่อขอเงินคืนแต่ก็ไม่ได้จึงเข้าร้องเรียนกับดีเอสไอ หวังจะได้เงินที่ค้างไว้คืนมาก็พอ
ส่วนที่มีข่าวว่าชายคนดังกล่าวพยายามนัดเจรจาไกล่เกลี่ย เชื่อว่าคงเป็นรายเล็กๆ ที่มีเงินไม่มาก เพื่อลดจำนวนผู้เสียหายหากกลายเป็นคดีขึ้นมา
ส่วนความเคลื่อนไหวของหนุ่มที่ถูกร้องเรียน ล่าสุดวานนี้ได้ประกาศขายรถหรู ทั้งเฟอรารี่ แรมโบกินี่ และ เบนท์ลี่ ขณะที่ทีมข่าวได้ข้อมูลมาว่ามีการถอนเงินออกจากบัญชีของชายคนนี้ 8 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21-22 สิงหาคม ที่ผ่านมา และเตรียมจะถอนอีก 18 ล้านบาท ขณะที่เพจดังแฉเพิ่มว่าเจ้าตัวพร้อมครอบครัวอยู่ในกรุงเทพ และ ตอนนี้กำลังไล่ซื้อ Crypto ให้ได้มากที่สุด คาดว่าเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบทรัพย์สิน