รัฐบาลโชว์ผลงาน ดูแลประชาชน บัตรทองรักษามะเร็งทุกที่ ครึ่งปีงบประมาณ 65 มีผู้ป่วยโรคมะเร็งเข้ารับบริการแล้ว 603,060 ครั้ง
วันที่ 31 สิงหาคม 2565 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ด้วยนโยบาย “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เน้นดูแลให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการอย่างเท่าเทียมและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพที่ได้กำชับให้ทุกภาคส่วนจัดระบบการดูแลอย่างครอบคลุม จึงเห็นได้ปัจจุบัน “สิทธิบัตรทอง” ได้ยกระดับการให้บริการ ทั้งการขยายการรักษาจำนวนโรค สิทธิประโยชน์ อาทิ ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ ยาคุมกำเนิด และที่สำคัญคือ การให้ผู้ป่วยเข้าถึงแพทย์ได้อย่างสะดวก หากเจ็บป่วยสามารถเข้ารับบริการเป็นผู้ป่วยนอกได้ที่หน่วยบริการปฐมภูมิในสถานพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณะสุขทั่วประเทศ โดยไม่ถูกปฏิเสธ และไม่ถูกเรียกเก็บเงิน
นางสาวรัชดา กล่าวว่า ด้วยนโยบายการรักษาที่ครอบคลุมมากขึ้นของสิทธิผู้มีบัตรทอง ทำให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งสามารถใช้สิทธิรักษาได้ในสถานพยาบาลของรัฐทุกที่ โดยในปีงบประมาณ 2565 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2564 – 30 มิ.ย. 2565 สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ รายงาน มีผู้ป่วยโรคมะเร็งเข้ารับบริการ จำนวน 603,060 ครั้ง จากเป้าหมายที่ได้รับจัดสรร 339,371 ครั้ง เมื่อผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง จะมีการปรึกษาพูดคุยระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้ป่วยเพื่อตัดสินใจเลือกหน่วยบริการที่จะไปรักษาร่วมกัน ขณะเดียวกัน การดูแลผู้ป่วยยังไม่ได้จำกัดเฉพาะในโรงพยาบาล ระบบบริการยังมีบริการระบบสาธารณสุขทางไกล (Telehealth) บริการปรึกษาเภสัชกรทางไกล (Tele pharmacy) และการให้ยาเคมีบำบัดที่บ้าน (Home Chemotherapy) สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการตามเกณฑ์ที่กำหนดและขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ ซึ่งจะช่วยลดจำนวนครั้งในการเดินทางมาโรงพยาบาล ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายอีกทางหนึ่งด้วย
“รัฐบาลมุ่งดูแลคุณภาพชีวิตประชาชนอย่างเต็มที่ การขับเคลื่อนนโยบายรักษามะเร็งได้ทุกที่ เป็นส่วนหนึ่งของความตั้งใจของรัฐบาลที่ประสงค์ให้ประชาชนได้รับการักษาโรคเรื้อรังและร้ายแรงโดยเร็วและสะดวก ตัวเลขสถิติข้างต้นชี้ให้เห็นว่าผู้ป่วยมะเร็งสามารถเข้าถึงบริการการรักษาได้มากขึ้นและเร็วขึ้น ส่งผลให้การรักษาดีขึ้นตามไปด้วย ประชาชนสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน สปสช. 1330 หรือช่องทางระบบออนไลน์ทั้งไลน์ สปสช. ไลน์ไอดี @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6 และ Facebook : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ https://www.facebook.com/NHSO.Thailand” นางสาวรัชดา กล่าว