พ่อแม่ใจสลาย! หมอวิดีโอคอลอธิบายให้พยาบาลทำคลอด เด็กสำลักน้ำคร่ำ สุดท้ายเสียชีวิต
วันที่ 7 ก.ย. 65 เพจ “สายไหมต้องรอด” โพสต์ระบุว่า โรงพยาบาลในจังหวัดปทุมธานี แม่ใจสลาย ทารกน้อยสำลักน้ำคร่ำเสียชีวิต หลังไปคลอดลูกที่ รพ.รัฐแห่งหนึ่ง ใน จ.ปทุมธานี เมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยคุณหมอใช้วิธีการวีดีโอคอล มาอธิบายวิธีการทำคลอด ให้พยาบาลและผู้ช่วยพยาบาลช่วยกันทำคลอดอย่างทุรงลักทุเล ใช้เวลาทำคลอดนานกว่า 3 ช.ม. ตั้งแต่ 12.00 – 15.30 น. แม่พยายามร้องขอให้ผ่าคลอดเนื่องจากแบ่งจนสุดแรงแล้วแต่หัวของทารกก็ยังไม่ออกมา สุดท้ายผ่านไป 3 ชม. จนแม่หายใจรวยริน คุณหมอที่วีดีโอคอลจึงตัดสินใจให้พยาบาลใช้เครื่องดูดทารกออกมาจากช่องคลอด แต่ไม่ทันการ ทารกสำลักน้ำคร่ำ จนนอนแน่นิ่งไม่รู้สึกตัว ต้องส่งไปรักษาตัวที่ รพ.ปทุมธานี ผ่านไป 2 สัปดาห์ รพ.แจ้งว่าสุดยื้อชีวิต ต้องปล่อยลูกน้อยจากไป พ่อ-แม่ ประสาน เพจสายไหมต้องรอด ส่งรถรับศพทารกน้อยไปประกอบพิธีทางศาสนาทั้งน้ำตา
ด้าน แม่ของเด็ก อายุ 25 ปีได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่าเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม เวลาประมาณ 09.00 น. ตนเจ็บท้องเหมือนใกล้คลอด จึงไปหาหมอที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ใน อ.ธัญบุรี หมอบอกว่ามดลูกเปิด 1 ซม. หมอก็บอกให้กลับบ้านก่อน พอตกกลางคืนตนปวดท้องอีก จึงไปหาหมออีกครั้ง หมอให้นอนที่โรงพยาบาลพอมดลูกเปิด 2 ซม.และมีความดันสูงพอ นอนอยู่ มดลูกก็เริ่มเปิด พอถึงช่วงเช้าหมอก็ให้ยาเร่งคลอดและมดลูกก็ทยอยเปิด ซึ่งตนเองเจ็บตั้งแต่ 5 ซม. แรก
ตนบอกกับหมอว่า ตนอยากย้ายโรงพยาบาล ให้ส่งฉุกเฉินผ่าได้ไหม โรงพยาบาลไหนก็ได้ ทางหมอก็บอกว่าถ้าจะให้ส่งตัวไปก็ต้องเซ็นปฏิเสธการรักษาที่โรงพยาบาลของเขา และให้เราไปเอง ซึ่งตนก็ไม่มีเงินไปเอง หากโรงพยาบาลจะไม่ไปส่ง และประมาณช่วงเที่ยง ของวันที่ 20 สิงหาคม 2565 พยาบาลจึงพาเข้าห้องคลอดจนถึงเวลาประมาณ 15.00 น. ขณะที่หมอทำคลอดตนรู้หมด เบ่งจนสุดแล้วลูกก็ยังไม่ออก
หมอเขาก็โทรศัพท์หาหมอใหญ่และบอกว่าเราไม่เบ่งเลย วินาทีนั้นตนเบ่งจนร่างกายไม่ไหวแล้ว จนหมอมาและบอกว่าจะส่งผ่าที่โรงพยาบาลอีกแห่งใน จ.ปทุมธานี ซึ่งทางโรงพยาบาลนั้นบอกว่า หมอทำคลอดออกเวรแล้ว ไปออกกำลังกาย จากนั้นหมอของทั้งสองโรงพยาบาลก็ได้วิดีโอคอลคุยกัน เพื่อที่จะทำคลอด ทางหมอก็ได้ใช้เครื่องดูดลูกของตนออกมา และพยาบาลก็บอกว่า ลูกเราไม่ดีแล้วนะ เพราะเราไม่เบ่ง จนเวลาประมาณ 15.40 น.ลูกของตนก็ออกมาแต่ลูกไม่หายใจแล้ว ทางหมอก็พยายามปั๊มหัวใจ และตีลูกให้เด็กตื่น
“เขาก็บอกว่าเราไม่เบ่ง ไม่ทำอะไรเลย โทษแต่พยาบาลโทษแต่หมอ ณ ตรงนั้นเขาบอกว่าให้ทำใจเพราะลูกเราไม่ดีตั้งแต่แรก หนูไม่รู้ว่าคำว่าไม่ดีตั้งแต่แรก เป็นตั้งแต่ในท้องหรือตอนที่ทำคลอด เพราะเขาไม่อธิบาย กรณีที่หนูขอผ่าคลอดแล้วเขาไม่ให้ แม่ต้องมีอาการแทรกซ้อน มีโรคประจำตัว ลูกไม่ดี ลูกตัวเล็ก ซึ่งลูกหนูตัวเล็กอยู่แล้ว 8 เดือน น้ำหนักแค่ 1,500 กิโลกรัม เขาไม่อ่านรายละเอียดเหรอ ตนฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลหนึ่ง พอเข้าเดือนที่ 8 ตนย้ายมาอีกโรงพยาบาลหนึ่ง ใช้สิทธิบัตร 30 บาท และใกล้บ้านด้วย ตนสงสัยว่า เขาไม่อ่านรายละเอียดตั้งแต่แรกเหรอ ว่าลูกเราตัวเล็ก และตนก็เป็นโรคหอบเขาจึงไม่ส่งผ่าคลอด” แม่เด็กกล่าว
หลังจากนั้น วันที่ 20 สิงหาคม รพ.ส่งตัวลูกตนไปรักษาที่โรงพยาบาลเด็ก แห่งหนึ่งใน จ.สระบุรี เพื่อสแกนสมอง ปรับร่างกายเป็นเวลา 3 วัน แล้วก็ส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลที่ทำคลอด แต่น้องก็อาการไม่ดีขึ้น ไปอย่างไรก็กลับมาอย่างนั้น ซึ่งทางโรงพยาบาลที่รับเด็กไปรักษาบอกให้ทำใจ เพราะเด็กที่สำลักน้ำคร่ำ รักษาจนสุดแล้วก็ไม่ตื่น ต้องยุติการรักษา ต่อให้ตื่นขึ้นมาได้ก็พิการติดเตียง ต้องเจาะท้อง เจาะคอ เพื่อให้สารอาหาร ตนจึงต้องปล่อยลูกไป
เขาเป็นลูกชายคนแรกและตั้งใจมาก ก็อยากให้ทางโรงพยาบาลที่เกี่ยวข้อง ออกมาพูดคุยว่าจะต้องทำอย่างไร ตนอุ้มท้องมา 9 เดือนยังไม่ได้เลี้ยงลูกเลย ตอนที่อยู่ในห้องคลอดมีแค่พยาบาลประมาณ 5-6 คน กับผู้ช่วยพยาบาลซึ่งไม่มีหมอทำคลอดอยู่ในห้องเลย
