พิสูจน์หลักฐานพร้อม EOD ตรวจจุดเกิดเหตุโกดังระเบิดย่านแม่โจ้ พบเก็บยูเรียไว้ถึง 11 กระสอบ นำตัวอย่างเข้าแล็บตรวจละเอียด หลังพบสารเคมีปนเปื้อนในแอ่งน้ำรอบอาคาร

841

พิสูจน์หลักฐาน พร้อม EOD ลงตรวจจุดเกิดเหตุ โกดังระเบิด พบมีการเก็บยูเรียถึง 11 กระสอบ ล่าสุดนำตัวอย่างเข้าแล็บตรวจละเอียด หลังพบสารเคมีปนเปื้อนในแอ่งน้ำรอบอาคาร

วันที่ 12 ก.ย.65 ความคืบหน้ากรณีเหตุระเบิดอาคารพาณิชย์ เสียงดังสนั่นที่เกิดขึ้นในโกดังเก็บสินค้าทางการเกษตรข้างร้านวัฒนาการเกษตร ถนนเชียงใหม่-พร้าว ต.หนองจ๊อม อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 10 ก.ย. ที่ผ่านมา สร้างความเสียหายกับตัวอาคารสามชั้นทั้ง 3 คูหา รวมทั้งด้านหลังอาคารที่ต่อเติมเป็นห้องเก็บของถูกเพลิงไหม้เสียหายหนัก มีเศษซากเป็นขวดสารเคมีทางการเกษตรถูกเผาอยู่จำนวนมาก

โดยล่าสุดช่วงเช้าวันนี้ ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ร่วมกับหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 , สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 1 , กรมส่งเสริมการเกษตร , ฝ่ายปกครองอำเภอสันทราย รวมทั้ง ตำรวจ สภ.แม่โจ้ อ.สันทราย และอีกหลายหน่วยงาน ลงพื้นที่ตรวจที่เกิดเหตุ เก็บตัวอย่างบรรจุภัณฑ์สารเคมี ซากวัตถุที่ถูกเผาไหม้ รวมทั้งเก็บตัวอย่างน้ำที่พบว่าเป็นสีเขียวเข้มรอบบริเวณที่เกิดเหตุไปตรวจพิสูจน์ว่ามีสารเคมีที่เป็นวัตถุอันตรายหรือสารเคมีควบคุมหรือไม่ รวมทั้งตรวจหาสารเคมีตกค้างในน้ำและทางน้ำสาธารณะใกล้เคียงที่อาจเป็นอันตรายต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม

ด้าน พ.ต.ท.สุรชัย จินดาวนิช พนักงานสอบสวน สภ.แม่โจ้ เปิดเผยว่า อยู่ระหว่างการเก็บพยานหลักฐานหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ รวมทั้งมีการเก็บครอบครองสารเคมีควบคุมโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่

สอบสวนเบื้องต้นนายชัยพันธ์ ธาตุอินจันทร์ อายุ 50 ปี เจ้าของบริษัทสปีดอโกรไซน์ ผู้เช่าอาคารพาณิชย์ ยืนยันไม่มีสารโปแตสเซี่ยมคลอเรต หรือ สารเคมีอันตรายอื่น แต่ยอมรับว่ามีปุ๋ยยูเรียเก็บไว้ในโกดัง 11 กระสอบ รวมทั้งปุ๋ยชนิดอื่น ๆ สารน้ำยาฆ่าหญ้าฆ่าแมลง

ส่วนทางด้านเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ระบุว่า ปุ๋ยยูเรียไม่สามารถใช้เป็นส่วนประกอบของวัตถุระเบิดได้โดยตรง แต่สามารถเกิดระเบิดได้หากมีความร้อนสูงมากกว่า 1,000 องศาเซลเซียส หลังจากนี้ต้องตรวจสอบหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อบอกถึงสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้และระเบิดที่เกิดขึ้น ซึ่งตอนนี้ยังไม่สามารถระบุชัดได้