ป่าไม้เตือน! เที่ยว “ม่อนแจ่ม” เสี่ยงดินถล่มหลังฝนตกหนักสะสม ย้ำปฏิบัติการรื้อถอนทำตามกฎหมาย
วันที่ 13 ก.ย. 65 นายกมล นวลใย ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 (เชียงใหม่) เปิดเผยว่า ได้มีการออกประกาศแจ้งเตือนประชาชนขอให้ระมัดระวังอุทกภัยและดินโคลนถล่ม ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ริม หลังวันที่ 12 กันยายน ที่ผ่านมาเกิดดินถล่มปิดเส้นทางขึ้นศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอยซึ่งเป็นเส้นทางเดียวกับที่ไปดอยม่อนแจ่ม ต.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ โดยในช่วงที่มีฝนตกหนักต่อเนื่องเสี่ยงเกิดน้ำป่าไหลหลากและการพังทลายของหน้าดิน โดยเฉพาะบริเวณแหล่งท่องเที่ยวบนดอยม่อนแจ่ม ที่มีการสกัดดินและหินเพื่อทำการเกษตรแบบขั้นบันได ทำให้อาจมีการเคลื่อนตัวของดินและเกิดอันตรายกับสิ่งปลูกสร้างที่ไม่มั่นคงเเข็งเเรงได้ นักท่องเที่ยวควรใช้ความระมัดระวังในการใช้เส้นทางสัญจรในบริเวณดังกล่าว รวมทั้งเข้าไปพักค้างแรมในช่วงฤดูฝน
นายกมล กล่าวว่า ได้รับข้อมูลจากสำนักงานทรัพยากรธรณีถึงความเสี่ยงเกิดดินเคลื่อนตัวในพื้นที่ดอยม่อนแจ่มซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนป่าแม่ริม จึงออกประกาศเตือนประชาชนที่เข้าใช้บริการในช่วงนี้ เนื่องจากพื้นที่ดอยม่อนแจ่มมีการตัดแบ่งหน้าดินเป็นขั้นบันได โครงสร้างดินจึงไม่แข็งแรง และ มีการสร้างสิ่งปลูกสร้างบริเวณหน้าผา ไม่ได้ลงหลักปักฐานให้แข็งแรง ไม่มีเสาเข็ม อาจเกิดแลนสไลด์ ซึ่งล่าสุดวานนี้พบเกิดขึ้นแล้วสามจุด ทำให้ประชาชนที่สัญจรผ่านบริเวณดังกล่าวประสบอุบัติเหตุ
ความเสี่ยงดังกล่าวจึงขอเตือนนักท่องเที่ยวและประชาชนที่จะเดินทางเข้าสู่ดอยม่อนแจ่มให้ ให้ใช้ความระมัดระวัง และ ขอเตือนผู้ให้บริการนักท่องเที่ยวที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายให้ระวังหรือยับยั้งการให้บริการ เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดกับนักท่องเที่ยวได้
ส่วนความคืบหน้าการเข้ารื้อถอน จากกรณีที่เจ้าหน้าที่จะเข้าไปการรื้อถอนสถานประกอบการ พื้นที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอยและบริเวณโดยรอบม่อนแจ่ม เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้ผู้อยู่อาศัยบนม่อนแจ่มยื่นหนังสือเรียกร้องความเป็นธรรมที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนั้น ยืนยันว่าได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยพบมีสถานประกอบการ 36 ราย จาก 122 ราย ที่เข้าข่ายกระทำผิดในลักษณะเปลี่ยนการครอบครอง ประกอบกิจการในลักษณะนอมินีและขยายบุกรุกพื้นที่จากที่ทำกินเดิม ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2541 ซึ่งได้ใช้อำนาจตามมาตรา 25 แห่ง พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พุทธศักราช 2507 ให้เจ้าของ รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งเจ้าของได้รื้อถอนเองไปแล้ว 10 ราย เหลือยังไม่รื้อถอนอีก 26 ราย
ส่วนผู้ประกอบการอีก 86 รายที่เหลือ พบดำเนินการถูกต้องตามเจ้าของเดิม แต่ก็อยู่ระหว่างการตรวจสอบตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิ พระราชบัญญัติโรงแรม ส่วนกรณีที่กลุ่มชาวบ้านระบุว่า ภาครัฐใช้แผนที่ปลอม หรือเป็นแผนที่ที่ไม่ตรงตามข้อเท็จจริงในการตรวจสอบนั้น ขอยืนยันว่า แผนที่ที่ใช้ในการตรวจสอบเป็นแผนที่ดาวเทียมที่สำรวจในปี 2545 ที่ได้สอบผู้อยู่อาศัยจริงและมีการชี้จุดเพื่อจัดทำแผนที่ที่มีความแม่นยำ
ทั้งนี้ปัจจุบันจังหวัดเชียงใหม่ได้ตั้งคณะกรรมการ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยเปิดโอกาสให้มีการรวบรวมข้อมูลเอกสารหลักฐานประกอบการพิจารณาตามข้อเท็จจริง เพื่อพิสูจน์สิทธิในที่ดินทำกินให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเกิดความยุติธรรมต่อทั้งสองฝ่าย