24 ก.ย. 65 – นายแพทย์อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่กิจกรรมรับน้อง ที่ให้รุ่นน้องอมไข่ดิบส่งต่อปากต่อปากจนถึงคนสุดท้าย แล้วให้กินนั้น ถือเป็นพฤติกรรมที่เสี่ยงสูงมาก เพราะไข่ดิบอาจปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ ส่วนไข่ขาวดิบเมื่อบริโภคเข้าไปจะขัดขวาง การดูดซึมไบโอติน ซึ่งเป็นวิตามินบีชนิดหนึ่งในลำไส้ ทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมวิตามินบีชนิดนั้นไปใช้ประโยชน์ได้ จึงได้รับประโยชน์ไม่เต็มที่ อีกทั้งปากเป็นช่องทางการนำเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย โดยโรคหลายชนิดอยู่ในน้ำลาย โพรงจมูก ลำคอ ได้แก่ โรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ หรือเชื้อจากแผลบริเวณริมฝีปาก กระพุ้งแก้ม หรือโรคเหงือกและฟันอักเสบ ซึ่งโดยปกติในปากและน้ำลายของแต่ละคนมีเอนไซม์ และมีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ ได้บางส่วน แต่ไม่สามารถป้องกันโรคได้ทั้งหมด ทำให้การติดโรคทางน้ำลายมีโอกาสเกิดขึ้นได้ ขึ้นอยู่กับปริมาณ ความรุนแรงของเชื้อ และมีโอกาสติดเชื้อสูงในกรณีที่ผู้รับเชื้อมีภูมิคุ้มกันที่ต่ำ หรือผู้รับเชื้อมีแผลในปาก มีเชื้อราในปาก เหงือกอักเสบ ก็จะมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ คางทูม ไวรัสตับอักเสบเอและอี โรคติดเชื้อโควิด-19 รวมทั้งยังเสี่ยงกับโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสในน้ำลายอื่นๆ ด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง
“ทั้งนี้ การทำกิจกรรมการรับน้องที่เหมาะสมและสร้างสรรค์มีหลากหลายรูปแบบที่เป็นประโยชน์ ต่อสังคมและชุมชน เช่น จิตอาสาทำความสะอาดวัด เก็บ คัดแยกขยะในชุมชน กิจกรรมดังกล่าวถือเป็นการแสดงออกถึงความรักใคร่กลมเกลียว สมัครสมานสามัคคี ได้มากกว่าการรับน้องที่ใช้วิธีการที่เสี่ยงต่อการติดโรคและส่งผลกระทบต่อสุขภาพตามมา อย่างการกินไข่ดิบโดยใช้ปากส่งต่อกัน หรือดื่มน้ำสาบานโดยใช้หลอดร่วมกันเทียบได้กับการกินอาหารโดยไม่ใช้ช้อนกลาง ทำให้มีโอกาสติดโรคได้เช่นกัน” รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าว