เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 65 – หญิงสาวรายหนึ่ง ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ หลังจับได้ว่ามีชายคนหนึ่งได้ใช้โทรศัพท์มือถือแอบถ่าย ขณะที่เธอนั่งอยู่ในห้างฯ แห่งหนึ่ง ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งหลังจากนั้นชายคนดังกล่าวก็หลบหนีไป และเธอก็ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่พบว่าคดีไม่มีความคืบหน้า เธอจึงได้นำเรื่องดังกล่าวมาโพสต์เพื่อให้ผู้ก่อเหตุได้รับโทษทางกฎหมาย
เธอได้โพสต์ระบุว่า เมื่อวันที่ 15 ก.ค. 65 ผ่านมา เราโดน #ชายโรคจิต คนนึง ทราบภายหลังว่าชื่อนายภาดล (ขอสงวนนามสกุล) แอบถ่ายที่ห้างสรรพสินค้าหนึ่งย่านนิมมาน โชคดีที่มีพี่พลเมืองดีคนหนึ่ง นั่งอยู่เก้าอี้ตรงข้ามเราและเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่ต้น พี่เขาเห็นว่า #ชายโรคจิต
คนนี้ทำท่าทางน่าสงสัย เพราะเดินอ้อมแล้วก็วนกลับมานั่งติดกับเรา ทั้งๆที่เก้าอี้มีที่ว่างตั้งเยอะ สักพักก็เห็นว่ากำลังแอบถ่ายเรา พี่เขาเลยเดินมาข้างหลังและมาสะกิดบอกว่า #ชายโรคจิต คนนั้นกำลังแอบถ่าย ให้ลุกออกมาก่อน เราก็รีบลุกไปแล้วก็เดินไปกับพี่เขา
ตอนแรกคิดว่าจะไม่เอาเรื่อง แต่มันไม่ได้จบแค่นั้น เพราะ #ชายโรคจิต คนนั้นมันก็ลุกเดินตามเรา พี่พลเมืองดีหันไปมองก็เห็นว่าเขายังเดินตามเรามา พอเห็นแบบนั้นเราเลยตัดสินใจเข้าไปถาม พอ #ชายโรคจิต เห็นเราเดินไปหาเขา เขาก็เดินหนี จนเรากับพี่พลเมืองดีถึงตัวเขา เพื่อขอดูโทรศัพท์ เขาก็อ้ำๆ อึ้งๆ แต่เราไม่ยอม สุดท้ายเขาก็ยอมให้ดู แล้วเรากับพี่พลเมืองดีก็เห็นว่ามีรูปเราที่โดนแอบถ่ายจริงๆ (เป็นรูปมันเซลฟี่ที่ติดเรา แล้วก็มีรูปที่แอบถ่ายเราคนเดียว) จากนั้น #ชายโรคจิต ก็รีบลบ แล้วก็พยายามเดินหนี แต่เรากับพี่พลเมืองดีไม่ยอม เพราะมันต้องมีรูปที่อยู่ในถังขยะ (recently deleted/ที่เพิ่งลบล่าสุด) แต่เขาก็ไม่ยอมให้ดู
เรากับพี่พลเมืองดีเลยไปเรียกรปภ. แต่ขณะนั้นยังไม่สามารถจัดการอะไรได้ เพราะ #ชายโรคจิต คนนั้นไม่ให้ความร่วมมืออยู่ดี จนสุดท้ายก็เดินหนี และขี่รถจักรยานยนต์ออกจากห้างไป โชคดีที่เราตามไปถึงรถจักรยานยนต์เลยได้รู้และถ่ายรูปป้ายทะเบียนรถจักรยานยนต์มา ทำให้ทราบชื่อ-นามสกุล และที่อยู่ของ #ชายโรคจิต คนนั้น จากตอนที่แจ้งความดำเนินคดีเมื่อวันที่ 15 ก.ค. 2565 ที่ #สภช้างเผือก #เชียงใหม่
ทั้งนี้ต่อให้ #ชายโรคจิต คนนั้น จะบอกว่าลบรูปภาพไปหมดแล้ว ก็ไม่ได้ทำให้ความผิดที่สำเร็จไปแล้วเปลี่ยนผลไปหรือถูกลบล้างค่ะ แค่เขายอมรับว่าถ่าย (ตามที่พูดไปในคลิป) ก็เท่ากับยอมรับว่าได้กระทำผิดไปแล้ว สามารถดำเนินคดีได้ และเราจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ทางห้างให้ความร่วมมือกับทั้งเราและทางตำรวจดี (โดยเฉพาะพี่หัวหน้ารปภ.) มีการเซฟเก็บ และเตรียมไฟล์วิดีโอกล้องวงจรปิดให้ เพื่อเตรียมส่งมอบให้กับทางตำรวจ ถึงตอนนี้ตำรวจจะยังไม่ได้ไปเอาหลักฐานที่ทางห้างเตรียมไว้ให้ก็ตาม
ตั้งแต่เกิดเหตุ 15 ก.ค. 2565 จนถึงตอนนี้ (13 ธ.ค. 2565) เรื่องก็ยังไม่ไปถึงศาล เพราะตำรวจติดต่อผู้ต้องหาไม่ได้ โดยแจ้งกับเราว่าส่งตัวผู้ต้องหาให้อัยการไม่ได้ เพราะผู้ต้องหาบล็อกเบอร์ตำรวจ (แบบนี้เข้าข่ายพฤติกรรมหลบหนีรึเปล่า?) ต้องออกหมายเรียก และหมายจับตามลำดับ ซึ่งเรารอต่อไปอย่างใจเย็นไม่ไหวแล้วค่ะ จริงๆ เราไม่ได้อยากมาโพสต์แบบนี้เลย เพราะเราอยากจัดการเรื่องทุกอย่างให้เงียบที่สุด แต่ในเมื่อเรื่องมันไม่ถึงไหนสักที เราเลยต้องมาโพสต์ เผื่อกระแสสังคมจะทำให้การผู้ต้องหายอมติดต่อตำรวจไปสักทีค่ะ
ล่าสุด ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ช้างเผือก ชี้แจงว่า คดีนี้ตำรวจไม่ได้นิ่งเฉย ได้ทำการสอบสวน สอบปากคำผู้เสียหายและพยาน และเรียกตัวผู้ก่อเหตุมาแจ้งข้อหาแล้ว ซึ่งผู้ต้องหาได้ประกันตัวไปสู้คดี พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวน แต่เมื่อส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการ ผู้ต้องหาไม่ยอมมา พนักงานสอบสวนจึงออกหมายเรียกไปตามภูมิลำเนา ล่าสุดได้ออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ไปแล้ว และหากภายใน 12 วันยังไม่มาพบ จะออกหมายเรียกตามขั้นตอน
เนื่องจากเป็นคดีลหุโทษ ทำให้พนักงานสอบสวนไม่มีการติดต่อสื่อสารกับฝั่งผู้เสียหายอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าตำรวจทำงานช้า ยืนยันว่าตำรวจให้ความสำคัญในทุกคดี