(คลิป Video) สาวเชียงใหม่เล่าเหตุการณ์ ถูกหนุ่มแอบถ่ายกลางห้างดัง แถมจับได้คาหนังคาเขา นำหลักฐานแจ้งความผ่านมาห้าเดือนยังเงียบ

708

สาวเชียงใหม่เล่าเหตุการณ์ ถูกหนุ่มแอบถ่ายกลางห้างดัง แถมจับได้คาหนังคาเขา นำหลักฐานแจ้งความผ่านมาห้าเดือนยังเงียบ ตัดสินใจร้องสื่อ จี้คู่กรณีออกมารับผิดชอบ ด้านตำรวจแจงเตรียมออกหมายจับแล้ว ยันไม่ได้นิ่งนอนใจ

วันที่ 16 ธ.ค.65 น.ส.ฟ้า (นามสมมุติ) อายุ 23 ปี หญิงสาวหน้าตาดี นำหลักฐานคลิปวิดีโอ พร้อมใบแจ้งความ เข้าร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวพร้อมกับเล่าเหตุการณ์จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ เจ้าตัวได้นำคลิปดังกล่าวโพสต์ลงในโซเชี่ยล ซึ่งเป็นคลิปที่เจ้าตัวถ่ายไว้ในวันเกิดเหตุที่มีชายคนหนึ่งถูกจับได้ว่าใช้โทรศัพท์มือถือแอบถ่ายขณะที่เธอนั่งอยู่บริเวณห้างดังแยกรินคำ อ.เมืองเชียงใหม่

โดยพฤติกรรมของชายคนดังกล่าว ได้เดินมานั่งข้างเธอ จากนั้นได้หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่าย ก่อนที่จะมีพลเมืองดีมาบอกกับเธอว่า ชายคนดังกล่าวกำลังแอบถ่าย และหลังจากนั้นได้ขอชายคนดังกล่าวดูโทรศัพท์ที่ถ่ายรูปก่อนหน้านี้ แต่ชายคนดังกล่าวกลับพยายามเดินหนี และไม่ยอมให้ดูไฟล์ภาพในโทรศัพท์ เธอจึงเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้เข้ามาช่วยเหลือและขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยดูภาพในโทรศัพท์ให้ แต่ชายคนดังกล่าวก็ไม่ยอม ใช้เวลาคุยอยู่นานเกือบ 10 นาที ชายคนนี้ก็ไม่ยอมให้ความร่วมมือก่อนจะเดินออกไปที่ลานจอดซึ่งเธอก็ได้เดินตามไปพร้อมกับพลเมืองดี โดยบอกว่าหากไม่ยอมรับและไม่ให้ดูภาพในโทรศัพท์จะแจ้งความตำรวจ แต่ชายคนดังกล่าวก็ไม่สนใจและขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีออกไปในที่สุด

โดย ..ฟ้า (นามสมมุติ) ผู้เสียหาย เล่าว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นเวลาประมาณ 17.00 น. ของวันที่ 15 ก.ค.65 ที่ผ่านมา ขณะที่ตนนั่งอยู่ที่บริเวณชั้น 1 ของห้างดังกล่าว ซึ่งในวันนั้นได้สวมเสื้อกล้ามสีขาว กางเกงขายาว และมานั่งรถแฟนเพื่อจะมารับกลับบ้าน แต่ระหว่างที่นั่งรออยู่คนเดียวนั้น ได้มีชายคนหนึ่งตอนแรกได้เดินวนก่อน 1 รอบ แล้วได้เข้ามานั่งใกล้ๆ ซึ่งในตอนแรกตนได้หยิบกระเป๋ามาไว้ใกล้ตัว เพราะกลัวว่าจะถูกคว้ากระเป๋า จากนั้นชายคนดังกล่าวก็นั่งอยู่สักพักแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทำทีเป็นถ่ายเซลฟี่ และถ่ายรอบๆ ซึ่งตนก็ไม่ได้รู้ตัวว่าถูกแอบถ่าย จนกระทั่งมีชายพลเมืองคนหนึ่งที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเข้ามาสะกิดบอกว่าชายคนดังกล่าวกำลังแอบถ่ายตนจึงรีบลุกเดินออกไปกับพลเมืองดี แต่ปรากฏว่าชายคนดังกล่าวไม่ยอมเลิก กลับเดินตามเธอออกมา เธอจึงตัดสินใจเข้าไปถาม ทำให้ชายคนดังกล่าวเดินหนี ตนกับพลเมืองดีจึงเดินตามไปพร้อมกับขอดูโทรศัพท์ที่ชายคนดังกล่าวใช้ถ่ายรูป แต่ชายคนดังกล่าวก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้ดู แต่ตนไม่ยอมและพยายามขอดูโทรศัพท์ จนสุดท้ายชายคนดังกล่าวจึงยอมให้ดู และเห็นว่ามีภาพรูปที่เธอโดนแอบถ่ายจริงๆ จากนั้นชายคนดังกล่าวได้รีบลบไฟล์ภาพออกและพยายามเดินหนีไปและไม่ยอมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ก่อนจะขี่จักรยานยนต์หลบหนีออกไป

ต่อมา หลังเกิดเหตุในช่วงเย็นวันเดียวกัน ตนจึงนำภาพถ่ายรถจักรยานยนต์พร้อมป้ายทะเบียนของชายโรคจิตเข้าแจ้งความกับ ...อภิสิทธิ์ สุนันต๊ะ พนักงานสอบสวน สภ.ช้างเผือก ให้ดำเนินคดีกับชายคนนี้ ต่อมาพนักงานได้นัดตนพร้อมพยานเข้าให้ปากคำเมื่อวันที่ 19 ก.ค.65 หลังจากนั้นเรื่องก็เงียบไป จนกระทั่งตนต้องนำหลักฐานไปค้นหาเอง จนกระทั่งเจอเบาะแส และสามารถติดต่อกับแม่ของชายคนดังกล่าวได้ พร้อมทั้งเล่าเรื่องราวให้ฟัง และทราบว่าชายคนดังกล่าวมีภูมิลำเนาอยู่ กทม. แต่ทางแม่ของชายคนดังกล่าวบอกว่าลูกชายอยู่ที่เชียงใหม่ และต่อมาชายคนดังกล่าวได้ติดต่อนัดขอเจรจาไกล่เกลี่ยที่โรงพัก แต่นัดแล้วก็ไม่มาถึงสองครั้ง โดยครั้งแรกบอกว่าติดโควิด และครั้งที่สองตนไปพร้อมกับทนายเพื่อจะนัดเจรจาไกล่เกลี่ย แต่สุดท้ายชายคนดังกล่าวก็ไม่มา ก่อนจะหายตัวไป จนถึงวันนี้ผ่านมานานเกือบ 5 เดือน ทราบเพียงแต่ว่าตำรวจมีการออกหมายเรียก แต่ยังไม่มีการจับกุมตัวมาดำเนินคดี เธอจึงนำเรื่องนี้มาโพสต์เพราะไม่อยากให้เรื่องเงียบเพราะเป็นพฤติกรรมที่ปล่อยไว้ไม่ได้ และ เพื่อเตือนภัยสาวๆ ให้ระมัดระวังตัวจากพวกโรคจิตเมื่อต้องไปอยู่ในที่มีคนพลุกพล่าน รวมทั้งเรียกร้องให้ตำรวจเร่งรัดจับกุมชายคนนี้มาดำเนินคดีโดยเร็วเพื่อจะได้ไม่ไปทำตัวเป็นภัยสังคมที่ไหนอีก

อย่างไรก็ตามเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นนี้ ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามไปยัง ...กรณ์ ศศิมณฑา รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.ช้างเผือก เพื่อติดตามความคืบหน้าและทราบว่า คดีนี้ตำรวจไม่ได้นิ่งเฉย หลังผู้เสียหายแจ้งความ พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้เสียหายและพยาน และเรียกตัวผู้ก่อเหตุมาแจ้งข้อหา “กระทำด้วยประการใด ๆ ต่อผู้อื่น อันเป็นการรังแก ข่มเหง คุกคามหรือกระทำให้ได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญ” ไปแล้ว ซึ่งผู้ต้องหาได้ประกันตัวไปสู้คดี

หลังจากนั้นพนักงานสวบสวนสรุปสำนวน เมื่อถึงวันที่เรียกตัวมาพบเพื่อส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการ ผู้ต้องหาไม่ยอมมาพบ พนักงานสอบสวนจึงออกหมายเรียกไปตามภูมิลำเนา แต่ออกหมายเรียกครั้งแรกก็ยังไม่มา ล่าสุดได้ออกหมายเรียกครั้งที่สองไปแล้ว หลังจากนี้ภายในสิบสองวันหากยังไม่มาพบจะออกหมายเรียกตามขั้นตอน

ส่วนกรณีที่ผู้เสียหายมองว่าตำรวจไม่ทำงาน ...กรณ์ บอกว่า พนักงานสอบสวนดำเนินการไปตามขั้นตอน แต่เนื่องจากเป็นคดีลหุโทษ ทำให้พนักงานสอบสวนไม่มีการติดต่อสื่อสารกับฝั่งผู้เสียหายอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าตำรวจทำงานช้า ยืนยันว่าตำรวจให้ความสำคัญในทุกคดี