แบงก์ชาติงัดมาตรการ สแกนใบหน้าก่อนโอน บังคับใช้กับทุกธนาคาร ป้องกันการสูญเงินจากการถูกมิจฉาชีพสวมรอย
ธปท. งัดมาตรการสแกนใบหน้าก่อนโอน บังคับใช้กับทุกธนาคาร ป้องกันการสูญเงินจากการถูกมิจฉาชีพสวมรอย
ภัยทางการเงินในปัจจุบันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและหลากหลายรูปแบบ ซึ่งภัยหลอกลวงเหล่านี้ ส่งผลกระทบให้ประชาชนต้องสูญเสียทรัพย์สิน รวมทั้งขาดความเชื่อถือในการใช้บริการทางการเงินแบบดิจิทัลของสถาบันการเงิน
ล่าสุด “ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ” ได้ออกมาตรการเกี่ยวกับภัยทุจริตทางการเงิน เพื่อกำหนดให้ทุกสถาบันทางการเงินปฏิบัติตามใน 3 เรื่อง ได้แก่
1.มาตรการป้องกัน
2.มาตรการตรวจจับและติดตามบัญชี หรือธุรกรรมต้องสงสัย
3.มาตรการตอบสนองและรับมือ
สำหรับมาตรการป้องกันที่กำลังพูดถึงกันในขณะนี้ คือ การสแกนใบหน้ายืนยันตัวตน กรณีที่โอนเงิน และปรับเปลี่ยนวงเงินตามที่กำหนด เพื่อป้องกันมิจฉาชีพ หรือบุคคลที่ไม่ใช่ตัวจริงโอนเงินออกไปโดยที่เจ้าของบัญชีไม่รู้ตัว
การสแกนใบหน้ายืนยันตัวตน เป็นการทำไบโอเมตริก (biometrics) จะสังเกตได้ว่าเวลาไปเปิดบัญชีเงินฝากในช่วงระยะหลังนี้ ทางธนาคารจะขอให้สแกนใบหน้าเพื่อเก็บข้อมูล โดยข้อกำหนดสแกนใบหน้าในการโอนเงิน จะเริ่มเต็มรูปแบบหลังจากเดือน มิ.ย. นี้ ดังนั้น ทุกคนที่โอนเงินเกิน 50,000 บาท/ครั้ง หรือโอนเงินเกิน 200,000 บาท/วัน หรือปรับเปลี่ยนเพิ่มวงเงินตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป ผ่านโมบายแบงก์กิ้ง จะต้องทำการสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตน ให้แน่ใจว่าเป็นตัวเราจริงๆไม่ใช่มิจฉาชีพ
อย่างไรก็ตาม หากใครที่ยังไม่เคยให้ธนาคารเก็บข้อมูลสแกนใบหน้าในลักษณะ biometrics สามารถเดินทางไปติดต่อขอให้เจ้าหน้าที่ธนาคารดำเนินการสแกนใบหน้า เพื่อทำธุรกรรมนั้นๆ ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย โดยไม่ต้องเสียเวลาไปโอนเงินที่สาขาให้ยุ่งยาก