ปปง. แจงกรณีเงินบริจาค 6 ล้านบาท ของ “ชูวิทย์” เผยอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเข้าข่ายฟอกเงินหรือไม่

353

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน แจงกรณีเงินบริจาค 6 ล้านบาท ของ “ชูวิทย์” เผยอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเข้าข่ายฟอกเงินหรือไม่

เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2566 นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กล่าวว่า ตามที่สื่อมวลชนได้เสนอข่าวกรณีมีบุคคลนำเงินที่ได้จากผู้กระทำความผิดมูลฐานไปบริจาคให้แก่โรงพยาบาล จำนวน 2 แห่ง โดยมีข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่าเงินดังกล่าวเป็นเงินที่ได้มาจากบุคคลที่มีพฤติการณ์การกระทำความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการจัดให้มีการเล่นการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (พนันออนไลน์) นั้น
สำนักงาน ปปง. มีประเด็นที่ต้องพิจารณาเบื้องต้น 2 ประเด็น ดังนี้
ประเด็นที่ 1 เงินบริจาคดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 หรือไม่
ขอเรียนว่า ปัจจุบันสำนักงาน ปปง. อยู่ระหว่างการตรวจสอบธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดของกลุ่มผู้กระทำความผิดมูลฐานและบุคคลที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์ หากปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าเงินบริจาคดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดมูลฐาน สำนักงาน ปปง. จะพิจารณาดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 โดยเร็ว และหากสำนักงาน ปปง. ตรวจสอบพบทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดอื่น ๆ สำนักงาน ปปง. จะเสนอคณะกรรมการธุรกรรมเพื่อพิจารณายึดอายัดทรัพย์สินดังกล่าวตามกฎหมาย
ประเด็นที่ 2 มีพฤติการณ์การกระทำความผิดอาญาฐานฟอกเงินหรือไม่
ขอเรียนว่า เมื่อมีการกระทำความผิดมูลฐานเกิดขึ้นและมีทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดการที่บุคคลใดได้รับทรัพย์สินดังกล่าวจะเข้าข่ายมีความผิดอาญาฐานฟอกเงินตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ก็ต่อเมื่อมีพฤติการณ์การกระทำที่ครบองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 5 ซึ่งเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ทั้งนี้ หากคณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งยึดเงินบริจาคจำนวนดังกล่าวและได้มีการส่งสำนวนคดีให้พนักงานอัยการพิจารณาเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้เงินบริจาคจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกผลตกเป็นของแผ่นดิน และปรากฏพยานหลักฐานว่ามีการกระทำความผิดอาญาฐานฟอกเงินตามมาตรา 5 สำนักงาน ปปง. จะดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิดให้ถึงที่สุด