27 มี.ค. 66 – นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำเตือนผู้ขับขี่ที่มีใบสั่งค้างชำระ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 เป็นต้นไป เมื่อไปต่อภาษีรถยนต์ประจำปี นายทะเบียนรถยนต์จะไม่ออกเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี หรือ ป้ายภาษี ให้ ผู้ขับขี่ที่ค้างชำระค่าปรับจะได้ใบแทนเสียภาษีชั่วคราว แทนใบจริง จนกว่าจะชำระค่าปรับให้ครบถ้วน ภายใน 30 วัน หลังรับใบแทน
นางสาวรัชดา กล่าว่าภายหลัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ร่วมกันดำเนินการกวดขันวินัยการขับขี่ บังคับใช้มาตรการตามที่กำหนดในกฎหมายให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด จำนวน 2 มาตรการ ได้แก่ การตัดคะแนนความประพฤติ โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา และมาตรการชะลอการออกเครื่องหมาย แสดงการเสียภาษี สำหรับรถที่มีใบสั่งค้างชำระ ตาม 141/1 พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติมนั้น ในส่วนของมาตรการชะลอเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีจะใช้กับรถยนต์ที่มีใบสั่งจราจรที่ค้างชำระ ซึ่งเพิกเฉยไม่ชำระค่าปรับตามที่กำหนด โดย สตช. จะส่งข้อมูลระบบอิเล็กทรอนิกส์ไปยังนายทะเบียน ขบ. เมื่อประชาชนไปต่อภาษีรถยนต์ประจำปี นายทะเบียนจะรับต่อภาษีประจำปีแต่ยังไม่ได้รับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษี (ป้ายภาษี) โดยจะได้หลักฐานชั่วคราวแทนป้ายภาษี ซึ่งมีอายุ 30 วัน เพื่อให้ผู้นั้นไปชำระค่าปรับที่ค้างชำระให้ครบถ้วนภายใน 30 วัน แล้วจึงสามารถมารับป้ายภาษีได้ แต่หากประชาชนต้องการจะชำระค่าปรับในขณะต่อภาษี กฎหมายกำหนดให้อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนให้นายทะเบียนสามารถรับชำระค่าปรับตามใบสั่งพร้อมกับชำระภาษี และรับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีได้ทันที ทั้งนี้ การขับรถโดยไม่มีป้ายภาษี จะมีโทษ ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ มาตรา 11 ซึ่งกำหนดว่ารถยนต์คันที่ต่อภาษีแล้วจะต้องแสดงเครื่องหมายตามที่ ขบ. กำหนด ให้ครบถ้วน มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ถูกตัดคะแนนความประพฤติในการขับรถ 1 คะแนน ซึ่งประชาชนสามารถตรวจสอบข้อมูลใบสั่งค้างชำระและคะแนนความประพฤติได้ที่เว็บไซต์ E-ticket PTM และแอปพลิเคชัน ขับดี
“มาตรการชะลอการออกเครื่องหมาย แสดงการเสียภาษี เพื่อให้เกิดการบูรณาการข้อมูลได้แบบ Real Time ทำให้การบังคับใช้กฎหมายเกิดผลสัมฤทธิ์และมีประสิทธิภาพสูงสุดในการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก นำไปสู่การเสริมสร้างวินัยจราจร จิตสำนึกด้านความปลอดภัย และช่วยลดอุบัติเหตุทางถนน รัฐบาลมีความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน ให้เกิดความปลอดภัยในการขับขี่ ลดจำนวนผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ”นางสาวรัชดา กล่าว